จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต ระวังเป็นหนี้ก้อนใหญ่โดยไม่รู้ตัว!

เงินเดือนออกเมื่อไหร่ ชาวออฟฟิศต่างก็มองหาของขวัญให้แก่ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเข้าร้านอาหารราคาแพง หรือซื้อของแบรนด์เนมราคาสูง และแน่นอนว่าหลายคนเลือกจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตแทนที่จะชำระยอดเต็ม ทำให้เป็นหนี้จากการจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ ซึ่งเราได้รวบรวมวิธีแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต มาให้คุณแล้วในบทความนี้

สารบัญบทความ

• จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต คืออะไร แตกต่างจากการชำระเต็มจำนวนอย่างไร?
• จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต เสี่ยงเป็นหนี้เรื้อรังจริงไหม
• 5 ข้อควรรู้ก่อนจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต
• ไม่อยากเป็นหนี้จากการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต ทำอย่างไรได้บ้าง?
• หลีกเลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำ และสร้างวินัยทางการเงินที่ดีด้วย MAKE by KBank

จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต คืออะไร แตกต่างจากการชำระเต็มจำนวนอย่างไร?

การจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต คือ การจ่ายเงินเพียงบางส่วนแทนการชำระยอดเต็ม ตัวอย่างเช่น บัตรเครดิตกำหนดชำระขั้นต่ำ 8% ของยอดการใช้จ่าย หากคุณรูดบัตรเครดิตไปทั้งหมด 50,000 บาท และเลือกชำระขั้นต่ำบัตรเครดิต หมายความว่า ในงวดนั้นแทนที่จะจ่ายเต็ม 50,000 บาท ก็จ่ายไปเพียง 4,000 บาทเท่านั้น

จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต เสี่ยงเป็นหนี้เรื้อรังจริงไหม

การจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตเป็นการก่อหนี้รูปแบบหนึ่ง เพราะยอดคงเหลือจากการจ่ายค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำจะนำไปคิดรวมกับหนี้ในงวดถัดไป พร้อมคำนวณดอกเบี้ย 16 % ต่อปี เป็นรายวัน ทำให้ยอดเงินต้นเมื่อคิดคำนวณรวมกับดอกเบี้ย กลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ส่งผลให้หลายคนจ่ายเงินคืนไม่ไหว จนเกิดปัญหาติดหนี้บัตรเครดิตเรื้อรัง ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็ง่ายๆ เพียงแค่จ่ายหนี้บัตรเครดิตให้มากกว่าขั้นต่ำนั่นเอง

5 ข้อควรรู้ก่อนจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต

เมื่อทราบแล้วว่าการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตอาจทำให้คุณเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นหากตัดสินใจจะจ่ายขั้นต่ำ เพราะไม่มีเงินก้อนคืนเต็มจำนวน ก็ควรเตรียมพร้อมก่อนเริ่มจ่ายขั้นต่ำดังนี้

1. เงื่อนไขใหม่ในการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตที่ทุกคนควรรู้

การจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตจากเดิมอยู่ที่ 5% ของเงินต้นคงเหลือ แต่ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศให้การจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตปี 2567 เพิ่มจาก 5% เป็น 8% และปี 2568 จะขยับยอดชำระขั้นต่ำขึ้นเป็น 10% ซึ่งสาเหตุที่ ธปท. ใช้มาตรการดังกล่าวก็เพื่อแก้ปัญหาการเงินส่วนบุคคล

ทั้งนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าการจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ เสียประวัติไหม? คำตอบคือ ไม่เสียประวัติแน่นอน ยกเว้นในกรณีที่คุณจ่ายเงินช้าเกินกว่า 90 วัน เมื่อนั้นแล้วรายชื่อจะไปปรากฏในฐานข้อมูลเครดิตบูโร ทำให้เสียประวัติและขอสินเชื่อยากขึ้น

2. บัตรเครดิตคิดดอกเบี้ยทันที นับแต่วันที่ใช้จ่าย

ผู้ใช้บัตรเครดิตครั้งแรก มักไม่ทราบว่าการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต คิดดอกเบี้ยยังไง? ซึ่งหากเลือกจ่ายขั้นต่ำดอกเบี้ยจะเริ่มคิดทันทีนับแต่วันที่ใช้จ่าย ดังนั้นยิ่งค้างชำระนานเท่าไหร่ ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อถึงเวลาจ่ายหนี้บัตรเครดิต คนจำนวนไม่น้อยต้องจ่ายหนี้หลักหมื่น ทั้งที่รูดบัตรเครดิตไม่กี่พันบาท

3. เลือกจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยจะหายไปทันที

โดยปกติแล้วสถาบันการเงินแต่ละแห่งจะเสนอระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยแตกต่างกัน เช่น 30 วัน 45 วัน หรือ 60 วัน เป็นต้น ในช่วงเวลานี้หากคุณจ่ายหนี้เต็มจำนวน ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ แต่ถ้าจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตแล้ว ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยจะหายไป ทำให้ต้องจ่ายหนี้มากขึ้นในรอบบิลถัดไป

4. ยิ่งผ่อนนาน ดอกเบี้ยยิ่งสูง

สถาบันการเงินมักเสนอโปรโมชันให้ผู้ใช้บัตรเครดิตเลือกจ่ายขั้นต่ำแล้วผ่อนชำระ แทนการจ่ายเต็มจำนวน ซึ่งหากมองผิวเผิน ก็อาจเข้าใจว่าการผ่อนจ่ายช่วยให้ชำระเงินต้นน้อยกว่า แต่เมื่อคิดยอดทั้งหมดจะพบว่า การจ่ายขั้นต่ำเมื่อรวมดอกเบี้ยและเงินต้นเข้าไปแล้ว จะมีจำนวนมากกว่าการจ่ายเต็ม

ตัวอย่างเช่น หนี้บัตรเครดิตอยู่ที่ 50,000 บาท แต่คุณเลือกข้อเสนอโปรโมชันผ่อนจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ 20 งวด งวดละ 2,800 บาท เท่ากับว่าคุณต้องจ่ายหนี้ถึง 56,000 บาท ทั้งที่หากเลือกจ่ายเต็มจำนวน จะมียอดชำระเพียง 50,000 บาทเท่านั้น

5. เป็นหนี้อื่นๆ ตามมาหลังจากจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต

สุดท้ายแล้วหากเลือกจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตไปเรื่อยๆ ก็อาจทำบริหารเงินเดือนไม่ได้อีกต่อไป เพราะหลังจากเงินเดือนออกต้องเอาไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตจนหมด ทำให้หลายคนเลือกแก้ปัญหาด้วยการขอสินเชื่อบุคคล หรือไม่ก็กู้หนี้นอกระบบ ที่คิดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 50% ต่อปี ส่งผลให้เกิดวัฏจักรหนี้เรื้อรัง จนปิดหนี้ทั้งหมดไม่ได้

ไม่อยากเป็นหนี้จากการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต ทำอย่างไรได้บ้าง?

คงได้คำตอบกันแล้วว่าการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต ทำให้ติดเครดิตบูโรและเป็นหนี้ง่ายขึ้นจริงไหม? หากต้องการออกจากวัฎจักรเป็นหนี้สินเรื้อรัง ปลดหนี้ได้ก่อนใคร ก็มาดูขั้นตอนการบริหารเงินอย่างสมาร์ตดังต่อไปนี้ได้เลย

1. จ่ายด้วยเงินสด แทนการชำระด้วยบัตรเครดิต

หากเป็นหนี้จากการจ่ายขั้นต่ำแล้ว ระหว่างนี้ให้คุณชำระสินค้าด้วยเงินสดแทนบัตรเครดิตไปก่อน เพราะดอกเบี้ยจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อรวมกับหนี้ก้อนใหม่ที่เกิดจากการรูดบัตรเครดิต ส่งผลให้คุณต้องจ่ายหนี้บัตรเครดิตมากกว่าเดิม และการจ่ายชำระด้วยบัตรเครดิต ยังทำให้เกิดพฤติกรรมใช้จ่ายเกินตัว เนื่องจากคิดว่าไม่ได้จ่ายเงินสดออกไปจริงๆ

2. จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตให้ตรงเวลา รักษาประวัติเครดิตบูโร

นอกจากจะจ่ายด้วยเงินสดแทนบัตรเครดิตแล้ว ก็ควรจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตให้ตรงเวลา เพราะหากไม่ได้ชำระหนี้บัตรเครดิตเกินกว่า 90 วัน ชื่อของคุณจะปรากฏในฐานข้อมูลเครดิตบูโร ทำให้อาจไม่ผ่านพิจารณาเวลาต้องขอสินเชื่อ

3. จ่ายชำระเต็มจำนวนทันทีเมื่อมีโอกาส

บัตรเครดิตคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกหมายความว่า ยิ่งคุณจ่ายเงินต้นมากเท่าไหร่ ดอกเบี้ยจะยิ่งลดลง ดังนั้นเมื่อคุณได้โบนัสหรือโอที ก็ควรนำเงินที่ได้มาจ่ายหนี้ที่เกิดจากการชำระขั้นต่ำบัตรเครดิต ซึ่งจะช่วยให้ปิดหนี้เร็วขึ้น นอกจากนี้ คุณยังสามารถขายสินทรัพย์บางอย่างออกไป เช่น ทองคำ หรือรถยนต์ เพื่อหาเงินก้อนมาปิดหนี้ โดยวิธีนี้เราเรียกว่าการทำแฮร์คัต (Hair cut)

4. ปรึกษาธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต หาทางประนอมหนี้

ถ้าเริ่มรู้สึกว่าจ่ายหนี้ไม่ไหว ก็สามารถเจรจากับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต เพื่อขยายเวลาผ่อนชำระและลดดอกเบี้ย หรือหาทางปรับโครงสร้างหนี้ แต่ถ้ามีภาระค่าใช้จ่ายมากเกินไป เราแนะนำให้คุณพักชำระหนี้ชั่วคราวเพื่อปิดหนี้ก้อนอื่นให้หมด ก่อนมาจ่ายหนี้ที่เกิดจากการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตต่อไป

5. รวมหนี้บัตรเครดิต ลดภาระดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาผ่อนชำระ

หากปรึกษาธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตแล้ว เห็นว่าไม่ช่วยให้ลดภาระหนี้บัตรเครดิตได้มากกว่าเดิม เราแนะนำให้คุณขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตกับธนาคารแห่งอื่นที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ซึ่งนอกจากจะรวมหนี้บัตรเครดิตกับธนาคารอื่นได้แล้ว หากคุณกำลังผ่อนบ้านอยู่ ก็สามารถรวมหนี้ผ่านสินเชื่อบ้านได้เช่นกัน โดยจะคิดดอกเบี้ยเพิ่มจากอัตราดอกเบี้ยบ้านขึ้นมาแค่ 2%

อย่างไรก็ตาม การรวมหนี้เหมาะสำหรับผู้กู้ที่มีหนี้หลายก้อนเท่านั้น เพราะสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตคิดดอกเบี้ยสูงสุด 25% ต่อปี ในขณะที่หนี้ที่เกิดจากการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตอยู่ที่ 16% ต่อปี ซึ่งหมายความว่าหากคุณขอสินเชื่อรวมหนี้ ทั้งที่มีหนี้บัตรเครดิตแค่ใบเดียว ก็จะเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาโดยไม่จำเป็น

6. ดาวน์โหลด MAKE by KBank แอปจัดจ่ายจด บริหารเงินอย่างเป็นระบบ

หากลองทุกวิธีเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตแล้วยังไม่ได้ผล มาลองใช้งานแอปรายรับรายจ่าย MAKE by KBank ผู้ช่วยจัดการเงินอัจฉริยะใช้งานง่าย ที่นอกจากจะให้ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 1.5% ต่อปีแล้ว ยังมาพร้อมกับ 3 ฟีเจอร์ รู้ใจมนุษย์เงินเดือนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตทุกคน ดังนี้

• Cloud Pocket

Cloud Pocket ฟีเจอร์อันดับหนึ่งตลอดกาลของ MAKE by KBank ที่ให้ผู้ใช้งานทุกคนแบ่งเงินได้เป็นสัดส่วน ทำให้บริหารจัดการเงินง่าย เมื่อเงินเดือนออกแล้ว คุณสามารถนำเงินบางส่วนโอนเข้ากระเป๋าเงิน Cloud Pocket เพื่อจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตได้ทันที มั่นใจได้เลยว่ามีเงินพอจ่ายหนี้บัตรเครดิตแน่นอน

• Schedule Transfer

Schedule Transfer นอกจากจะช่วยให้คุณจ่ายหนี้บัตรเครดิตได้ตรงเวลาแล้ว ยังทำให้สมาชิก MAKE by KBank ออมเงินได้ทันทีหลังจากเงินเดือนออก ด้วยฟีเจอร์ตั้งค่าโอนเงินอัตโนมัติที่ให้คุณโอนเงินเดือนเข้ากระเป๋า Cloud Pocket เพื่อเก็บเงินได้

• Expense Summary

หากต้องการตรวจสอบประวัติการจ่ายหนี้บัตรเครดิตยอดหลัง ว่าเคยชำระไปแล้วทั้งหมดเท่าไหร่ พร้อมเช็กยอดค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพื่อวางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่เข้าไปยังฟีเจอร์ Expense Summary คุณก็จะเห็นทุกข้อมูลการใช้จ่ายในอดีตได้ โดยไม่ต้องขอบัญชี Statements ย้อนหลังให้ยุ่งยาก นอกจากนี้ Expense Summary ยังสามารถสรุปข้อมูลรายรับรายจ่ายแยกตาม Cloud Pocket หรือจะดูแยกตามหมวดหมู่การใช้จ่ายก็ได้

หลีกเลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำ และสร้างวินัยทางการเงินที่ดีด้วย MAKE by KBank

การจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต นอกจากจะทำให้มีพฤติกรรมใช้จ่ายเกินตัว เพราะเห็นว่าไม่ต้องจ่ายหนี้เต็มจำนวน มีเงินหลักร้อยก็ผ่อนจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำได้ การจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตยังทำให้เสี่ยงต่อการเป็นหนี้เรื้อรังโดยไม่จำเป็น ส่งผลให้เริ่มต้นเก็บเงินเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวไม่ได้

สำหรับใครที่ต้องการแก้ไขปัญหาเป็นหนี้อย่างยั่งยืน ไม่ควรพลาดกับตัวช่วยบริหารเงินที่เหมาะกับคนทุกวัยอย่าง “MAKE by KBank” แอปจัดจ่ายจดที่ออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนเริ่มต้นสร้างวินัยทางการเงินด้วยตนเอง ดาวน์โหลดง่ายผ่าน Play Store และ App Store พร้อมร่วมลุ้นของรางวัลใหญ่มากมายไปกับกิจกรรมสนุกๆ เพื่อสมาชิกชาวเมคโดยเฉพาะ!