Scan to Download
MAKE logo
MAKE logo

แชร์เคล็ดลับ "เงินต่อเงิน" ให้เงินงอกเงยได้ง่าย ๆ

wealth-building.jpg

หลังจากมนุษย์ออฟฟิศทำงานเก็บเงินมาได้สักพัก คงมองหาช่องทางลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร เพื่อสร้าง Passive Income จากการใช้เงินต่อเงิน เพื่อได้รับผลตอบแทนมากเพียงพอ ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายรายเดือน ไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป

เราจึงชวนทุกคนมารู้จักกับ 5 วิธีที่ช่วยให้เงินต่อเงิน จนมีเงินเก็บงอกเงยในระยะยาว และสามารถวางแผนเกษียณได้เร็วกว่าใคร พร้อมแนะนำเคล็ดลับออมเงิน มาฝากผู้กำลังประสบปัญหาไม่รู้ว่าควรออมเงินแบบไหนดี? ถึงจะพบกับอิสรภาพทางการเงินเป้าหมายที่ทุกคนใฝ่ฝัน

5 เทคนิคการใช้เงินต่อเงิน ทุกคนทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด

  1. ลงทุนในหุ้นทุกเดือนด้วยเทคนิคการลงทุนแบบ DCA
  2. ลงทุนในทองคำรักษาความมั่งคั่ง และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ
  3. ลงทุนในกองทุน ก็ให้ผลตอบแทนสูงไม่แพ้กัน
  4. มีความฝันอยากเป็นผู้ประกอบการ ควรลงทุนในธุรกิจ
  5. ผู้มีเงินเย็นก้อนใหญ่ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็นับว่าตอบโจทย์

แอปออมเงิน MAKE by KBank ตัวช่วยแบ่งเงินไปลงทุน มีเงินต่อเงินได้ง่ายๆ

  1. Cloud Pocket
  2. Expense Summary

5 เทคนิคการใช้เงินต่อเงิน ทุกคนทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด

ก่อนจะศึกษาเทคนิคการใช้เงินต่อเงิน มารู้จักกับความหมาย และความสำคัญเป็นอันดับแรก ซึ่งเงินต่อเงินคือ การให้เงินเย็นที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากธนาคาร ไปทำงานแทนเราเพื่อได้รับผลตอบแทนกลับมาในรูปแบบของดอกเบี้ย, ค่าเช่า, ส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ ฯลฯ

ดังนั้น หากคุณตั้งใจทำงานเพียงอย่างเดียว อาจหนีไม่พ้นกับปัญหาไม่มีเงินใช้จ่ายช่วงสิ้นเดือน กลับกันถ้าบริหารการเงินอย่างชาญฉลาด ก็สามารถให้เงินช่วยทำงานแทนได้ ซึ่งเปรียบเสมือนมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง โดยไม่ต้องเสียเวลาไปหางานเสริมทำหลังเลิกงาน และมีเวลาให้กับครอบครัว ทำงานอดิเรกที่คุณรักได้มากขึ้น

เมื่อรู้แล้วว่าทำไมไม่ควรให้เงินฝากในบัญชีธนาคารอยู่เฉยๆ ก็ถึงเวลาให้เงินทำงานแทนเราบ้าง ด้วย 5 เทคนิคดังต่อไปนี้

1. ลงทุนในหุ้นทุกเดือนด้วยเทคนิคการลงทุนแบบ DCA

แทนที่จะนำเงินเก็บก้อนใหญ่ซื้อหุ้นครั้งเดียว คุณอาจลองใช้เทคนิคเงินต่อเงินที่เรียกว่า DCA หรือ Dollar Cost Average ซึ่งเป็นการทยอยซื้อหุ้นแบบสะสม ด้วยจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือน โดยไม่สนใจว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้น หรือลงมากน้อยเพียงใด

ตัวอย่างเช่น หากสนใจลงทุนในหุ้น A และมีเงินอยู่ 200,000 บาท คุณอาจทยอยซื้อครั้งละ 20,000 บาท เป็นจำนวนทั้งสิ้น 10 ครั้ง และเมื่อเงินเดือนออก ก็ค่อยซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุนไปเรื่อยๆ ครั้งละ 20,000 บาทอย่างต่อเนื่อง นอกจากวิธีนี้จะทำให้ราคาต้นทุนหุ้นต่ำลงแล้ว ยังเป็นการออมเงินในรูปแบบหนึ่งแทนที่จะเก็บเงินในบัญชีออมทรัพย์เพียงอย่างเดียว

แต่วิธีลงทุนเงินต่อเงินด้วยเทคนิค DCA มีความเสี่ยงเช่นกัน กล่าวคือ หากทยอยซื้อหุ้นในช่วงราคาปรับตัวลดลง ก็ยิ่งทำให้จำนวนเงินในพอร์ตติดลบ และถ้าธุรกิจที่ลงทุนอยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถเติบโตต่อได้ในอนาคตแล้ว เงินที่ DCA ลงไปก็จะกลายเป็นต้นทุนจม ที่นอกจากจะไม่ได้ผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลแล้ว ยังขาดทุนจนยากที่จะมีอิสรภาพทางการเงินด้วย

ดังนั้น เทคนิค DCA เพื่อให้เงินต่อเงินเพิ่มมากขึ้น จนสามารถสร้าง Passive Income ได้ ควรศึกษาบริษัทที่สนใจลงทุนให้ดีว่ามีพื้นฐาน และความมั่นคงมากน้อยเพียงใด ผ่านการศึกษางบการเงินให้เข้าใจ ทยอยซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุนในช่วงที่ราคาสินทรัพย์ยังปรับตัวไม่สูง เมื่อบริษัททำกำไรได้ต่อเนื่อง ก็จะสะท้อนมายังราคาสินทรัพย์ ซึ่งจะทำให้คุณสร้างผลตอบแทนได้จำนวนมาก

2. ลงทุนในทองคำรักษาความมั่งคั่ง และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ

ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ราคาปรับตัวเฉลี่ยปีละ 9% ทำให้เหมาะอย่างยิ่งแก่การลงทุนเพื่อให้เงินต่อเงิน และความเสี่ยงของการลงทุนทองคำถือว่าต่ำกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเงินของโลกมีความผันผวนสูง ทุกคนล้วนให้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ทำให้นอกจากให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอแล้ว ยังช่วยรักษาความมั่งคั่งได้อีกด้วย

การลงทุนในทองคำปัจจุบันก็มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการซื้อทองคำแท่ง, ทองรูปพรรณ, กองทุนรวมทองคำ หรือแม้แต่ตราสารอนุพันธ์ Gold Future ซึ่งแต่ละแบบก็มีความเสี่ยงแตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้สนใจลงทุนจึงควรศึกษาความเสี่ยงให้ดีว่ารับระดับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด เพื่อสร้างผลตอบแทนจนสามารถให้เงินต่อเงินได้ในระยะยาว

3. ลงทุนในกองทุน ก็ให้ผลตอบแทนสูงไม่แพ้กัน

ถ้าไม่มีเวลาศึกษางบการเงินเพื่อใช้เทคนิค DCA เพื่อลงทุนในตลาดหุ้น ก็อาจหันมาเก็บเงินออมมาลงทุนกับกองทุนรวมประเภทต่างๆ ให้เงินต่อเงินได้เช่นกัน ซึ่งกองทุนรวมก็มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมหุ้น, กองทุนรวมตราสารหนี้, กองทุนรวมดัชนี ฯลฯ

แต่กองทุนรวมก็มีความเสี่ยงในการขาดทุน ผู้ลงทุนจึงควรศึกษาลักษณะของกองทุนผ่านหนังสือชี้ชวนให้ดีว่า กองทุนนั้นนำเงินไปลงทุนกับสินทรัพย์ใดบ้าง มิเช่นนั้นแล้ว คุณอาจขาดทุนจากการขาดความเข้าใจในลักษณะการดำเนินงานของกองทุนได้

4. มีความฝันอยากเป็นผู้ประกอบการ ควรลงทุนในธุรกิจ

หากมีความฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการ แนะนำให้เก็บเงินออมที่ทำได้จากงานประจำมาลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว เพราะนอกจากจะช่วยให้เงินต่อเงินได้แล้ว ยังตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตอีกด้วย และถ้ากิจการไปได้ด้วยดี เตรียมรอรับ Passive Income แล้วมีอิสรภาพทางการเงินได้เลย

แต่การเป็นเจ้าของกิจการก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะในแต่ละเดือนคุณต้องจ่ายค่าใช้จ่ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน หรือค่าต้นทุนวัตถุดิบ ทำให้ประสบกับปัญหาหมุนเงินไม่ทันเป็นประจำ ดังนั้น เราแนะนำให้เก็บเงินสำรองเตรียมพร้อมกับกรณีดังกล่าวเอาไว้ด้วย

5. ผู้มีเงินเย็นก้อนใหญ่ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ก็นับว่าตอบโจทย์

หากคุณมีเงินเย็นมากเพียงพอ และกำลังมองหาช่องทางให้เงินต่อเงินโดยได้รับผลตอบแทนกลับมาในรูปแบบของค่าเช่ารายเดือน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอแล้ว ยังมีโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างของราคาอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย

แต่อสังหาริมทรัพย์ก็ใช่ว่าจะสร้าง Passive income ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัดสินใจทำห้องเช่าหรือคอนโด เพราะคุณไม่มีทางทราบได้ว่าผู้เช่าห้องมีลักษณะนิสัยอย่างไร และเป็นผู้เช่าห้องที่มีคุณภาพหรือไม่? ถ้าโชคร้ายเจอผู้เช่าห้องไม่ยอมจ่ายค่าเช่า และมีพฤติกรรมทำลายข้าวของ จากเดิมที่คิดว่าจะทำกำไรได้ กลับต้องมาขาดทุนจากการซ่อมแซมห้องแทน

แอปออมเงิน MAKE by KBank ตัวช่วยแบ่งเงินไปลงทุน มีเงินต่อเงินได้ง่ายๆ

how-to-make-wealth-building.jpg

เมื่อรู้จักกับ 5 เทคนิคเงินต่อเงินที่เราได้แนะนำไปข้างต้นแล้ว หากกำลังมองตัวช่วยเก็บเงินให้คุณมีเงินออมเพิ่มมากขึ้น จนสามารถใช้เงินต่อเงินได้อย่างต่อเนื่องไม่ควรพลาดกับแอปพลิเคชันน้องใหม่จากธนาคารกสิกร “MAKE by KBank” ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์คู่ใจอย่าง Cloud Pocket และ Expense Summary

1. Cloud Pocket

ฟีเจอร์ที่จะทำให้คุณหมดกังวลเรื่องการแบ่งเงินเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่จะช่วยให้เงินต่อเงิน สร้าง Passive income จนเกษียณได้อย่างรวดเร็ว เพราะ Cloud Pocket ทำหน้าที่สร้างกระเป๋าเงินที่เปรียบเสมือนบัญชีขนาดย่อมขึ้นมา เพื่อจัดการเงินได้อย่างเป็นสัดส่วน และยังสามารถออกแบบชื่อกระเป๋าตามฟังก์ชันที่คุณต้องการได้ด้วย เช่นกระเป๋าเงินออมเพื่อ DCA หรือกระเป๋าเงินเก็บเพื่อซื้อทองคำ ฯลฯ

Cloud Pocket ยังได้มีฟีเจอร์ให้คุณออมเงินสุดสร้างสรรค์เพียงแค่ตั้งชื่อกระเป๋าเงินว่า “แผ่นออมเงิน” จากนั้น ระบบจะพาคุณไปพบกับน้องเมคสีเหลืองผู้ช่วยสร้างแผ่นออมเงิน ที่ให้คุณเลือกได้ว่าจะตั้งเป้าหมายออมเงินจำนวนเท่าไหร่ และน้องเมคจะคำนวณเงินออมต่อวันเพื่อสร้างแผ่นตารางออมเงินให้คุณไปสู่ไปหมายได้

2. Expense Summary

หากสร้างกระเป๋า Cloud Pocket ขึ้นมาเพื่อเป็นรายจ่ายโดยเฉพาะ เช่น กระเป๋าค่าบัตรเครดิต หรือกระเป๋าค่าเช่าห้อง เป็นต้น แล้วต้องการตรวจสอบว่าใช้เงินกับรายจ่ายกระเป๋าใดเป็นพิเศษ เพียงแค่เช็กดูจากฟีเจอร์ Expense Summary ได้เลย ไม่ต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เสียเวลา ซึ่งจะพบข้อมูลการใช้จ่ายแบบสรุปรวบยอดมาให้ทันที

5 เทคนิคเงินต่อเงิน ทุกคนทำได้ เพียงตั้งใจศึกษาความรู้ทางการเงิน

5 เทคนิคการใช้เงินต่อเงินที่เราได้แนะนำมาข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะทำให้ทุกคนมุ่งสู่อิสรภาพทางการเงินได้เท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าจะมีเทคนิคดีเพียงใด หากคุณไม่มีวินัยออมเงิน ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และลงทุนกับสินทรัพย์เสี่ยงโดยไม่ควบคุม ก็ไม่สามารถให้เงินต่อเงินได้ตามที่ต้องการ

ถ้าต้องการตัวช่วยให้คุณฝึกวินัยทางการเงินได้ดียิ่งขึ้นตั้งแต่วันนี้ ก็ดาวน์โหลด MAKE by KBank ได้เลยที่ App Store และ Play Store เพราะนอกจากจะมีฟีเจอร์เด็ดใช้งานง่ายแล้ว แค่ฝากเงินเข้าไปยังได้ผลตอบแทน 1.5% ต่อปี ซึ่งมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอีกด้วย และทุกเดือนยังมีกิจกรรมให้สมาชิกร่วมสนุก แจกของรางวัลแบบจัดหนักจัดเต็มอีกด้วย!

Back to Home

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ