รวมหนี้บัตรเครดิตเป็นก้อนเดียว จัดการหนี้หมดไวได้แบบเร่งด่วน - MAKE by KBank
Scan to Download
MAKE logo
MAKE logo

รวมหนี้บัตรเครดิตเป็นก้อนเดียว จัดการหนี้หมดไวได้แบบเร่งด่วน

consolidate-credit-card-debt.jpg

ปัญหาการเงินอันดับต้นๆ ของมนุษย์เงินเดือน คงหนีไม่พ้นกับหนี้บัตรเครดิต ซึ่งหลายคนไม่รู้วิธีแก้ปัญหาจนปล่อยให้เป็นหนี้เรื้อรัง แต่ถ้าคุณรู้จักกับสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตแล้ว รับรองว่าชีวิตจะง่ายกว่าที่คิด ดังนั้นเราจึงชวนทุกคนมารู้จักกับการรวมหนี้บัตรเครดิตให้มากขึ้นว่าคืออะไรกันแน่?

สารบัญบทความ

  • สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต คืออะไร ต่างจากสินเชื่อปกติอย่างไรบ้าง?
  • 5 ข้อดีของการรวมหนี้บัตรเครดิต ที่ผู้เป็นหนี้ควรรู้!
  • 2 รูปแบบของการรวมหนี้บัตรเครดิต มีอะไรบ้าง?
  • ชวนรู้! สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต เหมาะกับใครบ้าง
  • วิธีรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นก้อนเดียว มือใหม่ควรเตรียมตัวอย่างไร
  • แอป MAKE by KBank ตัวช่วยบริหารเงินให้คุณผ่อนสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตได้ง่ายๆ
  • รวมหนี้บัตรเครดิตแล้ว ให้ MAKE by KBank เป็นผู้ช่วยสร้างวินัยออมเงิน หมดปัญหาเป็นหนี้ระยะยาว!

สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต คืออะไร ต่างจากสินเชื่อปกติอย่างไรบ้าง?

สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่นำหนี้บัตรเครดิตจากสถาบันการเงินหลายแห่งรวมเอาไว้ภายในสินเชื่อเดียว ทำให้ผู้ติดหนี้บัตรเครดิตหลายใบ มีโอกาสปลดหนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะจากเดิมที่ต้องผ่อนชำระหนี้จำนวนมาก อาจทำให้ลืมผ่อนชำระเป็นประจำ จนต้องเสียค่าปรับจากการชำระล่าช้า เมื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียว ก็จะชำระหนี้ผ่านสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตได้ทันที

5 ข้อดีของการรวมหนี้บัตรเครดิต ที่ผู้เป็นหนี้ควรรู้!

นอกจากจะช่วยให้ผ่อนชำระหนี้ง่ายขึ้นแล้ว การรวมหนี้บัตรเครดิตไว้ที่เดียว ยังมีข้อดีอีกมากมาย ที่หลายคนอาจมองข้าม ดังนี้

  • ทราบยอดหนี้บัตรเครดิตที่แท้จริง

ก่อนทำเรื่องขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต สถาบันการเงินจะให้ผู้กู้ระบุยอดหนี้ทั้งหมด เพื่อเสนอวงเงินกู้ที่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้ผู้กู้ที่เป็นหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก และไม่ทราบว่ามีหนี้เท่าไหร่ หลังจากขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตแล้ว ก็จะเห็นสถานะหนี้ที่แท้จริง และวางแผนแก้ไขปัญหาหนี้สินได้

  • จ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่ถูกลง

จากเดิมที่ต้องผ่อนชำระดอกเบี้ยบัตรเครดิต 16% ต่อปี แต่เมื่อขอรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นก้อนเดียวแล้ว ก็มีโอกาสที่จะผ่อนชำระหนี้ได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ทั้งนี้คุณควรศึกษาเงื่อนไขของธนาคารที่ขอสินเชื่อด้วยเช่นกัน ว่าต้องขอสินเชื่อวงเงินเท่าไหร่ จึงจะได้รับข้อเสนออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าบัตรเครดิต

  • รู้ระยะเวลาการผ่อนชำระที่แน่นอน

สินเชื่อรวมหนี้กำหนดระยะเวลาผ่อนชำระที่ชัดเจน ทำให้ผู้กู้ทราบแน่นอนว่าต้องจ่ายหนี้เป็นจำนวนกี่งวดถึงจะผ่อนชำระได้ทั้งหมด ในขณะที่การผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตทีละใบแทนการขอสินเชื่อรวมหนี้ ก็จะไม่ทราบรายละเอียดการผ่อนชำระที่ชัดเจน เพราะหากคุณรูดบัตรเครดิตเพิ่ม ก็ต้องผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตไปเรื่อยๆ

  • ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน

จากเดิมที่มีภาระผ่อนหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก เช่น ต้องผ่อนหนี้บัตรเครดิต 30,000 บาทต่อเดือน แต่เมื่อขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตแล้ว จะช่วยให้ยอดผ่อนชำระลดลง จากหลักหมื่นอาจเหลือเพียงหลักพันต้นๆ ทำให้สภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น และเริ่มเก็บเงินสำรองยามฉุกเฉินได้

  • ช่วยรักษาประวัติของเครดิตบูโร

สินเชื่อรวมหนี้ ทำให้คุณมีโอกาสปิดหนี้บัตรเครดิตง่ายขึ้น เพราะยอดผ่อนชำระน้อยลง จึงช่วยให้จ่ายหนี้ได้ตรงต่อเวลา อย่างไรก็ตาม หากชำระล่าช้าและผิดนัดชำระ ก็ย่อมส่งผลต่อประวัติเครดิตบูโรได้ในอนาคต

2 รูปแบบของการรวมหนี้บัตรเครดิต มีอะไรบ้าง?

นอกจากสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตจะมีข้อดีมากมาย ยังเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีหลายรูปแบบ เพื่อให้ผู้กู้ทำเรื่องขอสินเชื่อได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผ่านการรวมหนี้กับสินเชื่อต่างๆ ดังนี้

รวมหนี้บัตรเครดิตจากหลายธนาคาร

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายธนาคาร ซึ่งผู้กู้สามารถทำเรื่องขอรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นก้อนเดียวกับธนาคารอื่น นอกเหนือจากธนาคารที่กำลังติดหนี้อยู่ได้ หากธนาคารแห่งนั้นให้ข้อเสนอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตดีกว่า เช่น เป็นหนี้บัตรเครดิตธนาคาร A B และ C แต่เลือกทำเรื่องขอสินเชื่อรวมหนี้กับธนาคาร D เพราะเห็นว่าธนาคาร D ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อจากธนาคาร A B และ C

รวมหนี้บัตรเครดิตด้วยสินเชื่อบ้าน

หากกำลังผ่อนบ้านอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตกับธนาคารอื่น เพราะคุณสามารถทำเรื่องขอรวมหนี้ผ่านสินเชื่อบ้านได้ทันที ซึ่งหลังจากรวมหนี้แล้ว ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นมาไม่เกิน 2% ของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านในเรตเดิม

ชวนรู้! สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต เหมาะกับใครบ้าง

ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับการขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต เพราะสินเชื่อดังกล่าวเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคล ที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 25% ต่อปี และน้อยคนมากที่จะได้ข้อเสนอสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 16% ต่อปี แต่หากคุณมีเงื่อนไขอยู่ใน 3 กลุ่มต่อไปนี้แล้ว เราแนะนำอย่างยิ่งให้คุณขอรวมยอดหนี้บัตรเครดิต

  • ผู้ที่มีหนี้สินเรื้อรัง

หากจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตเป็นประจำ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นหนี้สินเรื้อรัง และต้องกู้หนี้หลายแหล่งเพื่อปิดหนี้บัตรเครดิตที่กำลังจ่ายขั้นต่ำอยู่ แต่ถ้าขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตแล้ว จะทำให้หนี้บัตรเครดิตที่กำลังผ่อนชำระ และหนี้อื่นๆ เหลือเพียงก้อนเดียว ทำให้ปิดหนี้ที่เหลือง่ายขึ้น

  • ผู้ที่วางแผนขอสินเชื่อเพิ่มเติมในอนาคต

หากไม่ได้จ่ายหนี้เกิน 90 วัน สถานะทางการเงินของคุณจะถือว่าเป็นหนี้เสีย ซึ่งส่งผลต่อการขอสินเชื่ออื่นๆ ในอนาคต แต่สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต จะช่วยให้หนี้ดอกเบี้ยลดลง ส่งผลให้จ่ายชำระหนี้ได้ตรงต่อเวลา ลดโอกาสการเกิดหนี้เสียได้

  • ผู้ที่ต้องการขยายเวลาชำระหนี้

ในกรณีที่เป็นผู้กู้ประวัติดีไม่เคยผิดนัดชำระ แต่เกิดอุบัติเหตุทางการเงิน เช่น ตกงานกะทันหัน ทำให้ผ่อนหนี้ที่มีอยู่ไม่ไหว ถ้าขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตแล้ว จะสามารถขยายเวลาผ่อนชำระออกไปได้ตั้งแต่ 12-60 เดือน และช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง

วิธีรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นก้อนเดียว มือใหม่ควรเตรียมตัวอย่างไร

หากคุณเป็นคนหนึ่งในผู้ที่เหมาะกับการขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต ตามที่เราได้ยกตัวอย่างไปข้างต้น และต้องการขอรวมหนี้บัตรเครดิตเป็นก้อนเดียว สามารถเริ่มต้นได้จากวิธีดังต่อไปนี้

1. ตรวจสอบยอดหนี้บัตรเครดิตทั้งหมด

ก่อนทำเรื่องขอสินเชื่อรวมหนี้ให้คุณตรวจสอบยอดหนี้บัตรเครดิตว่ามีอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่ เพื่อให้ขอสินเชื่อได้ตรงตามความต้องการมากที่สุด ตัวอย่างเช่น นาย A เป็นหนี้บัตรเครดิต 5 ใบ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. บัตรเครดิต ธนาคาร B 20,000 บาท
  2. บัตรเครดิต ธนาคาร C 25,000 บาท
  3. บัตรเครดิต ธนาคาร D 70,000 บาท
  4. บัตรเครดิต ธนาคาร E 45,000 บาท
  5. บัตรเครดิต ธนาคาร F 50,000 บาท

ดังนั้นหมายความว่า นาย A เป็นหนี้ทั้งหมด 210,000 บาท นาย A จึงควรขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตที่ให้วงเงินกู้มากกว่า 210,000 บาทขึ้นไป ถึงจะปิดหนี้ได้ทั้งหมด

2. ศึกษาข้อมูลธนาคารที่ต้องการรวมหนี้บัตรเครดิต

เมื่อตรวจสอบยอดหนี้บัตรเครดิตเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปให้ศึกษาข้อมูลธนาคารที่ต้องการขอรวมหนี้บัตรเครดิตไว้ที่เดียวว่ากำหนดอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ และระบุเงื่อนไขอะไรบ้าง เช่น อาชีพและรายได้ของผู้สมัคร, วงเงินกู้สูงสุดที่อนุมัติ, เอกสารที่ใช้ประกอบการสมัคร รวมไปถึงอายุงานของที่ทำงานปัจจุบัน เป็นต้น

3. เลือกสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตที่เหมาะสม

หากได้ธนาคารที่ต้องการแล้ว การเลือกสินเชื่อที่ใช่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปลดหนี้สำเร็จเช่นกัน โดยเราแนะนำให้เลือกสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตที่เสนอดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำที่สุด และอนุมัติวงเงินสินเชื่อสูงสุด 5 เท่าของรายได้

4. คำนวณยอดหนี้ที่ต้องการผ่อนในแต่ละงวด

แม้ว่าจะได้สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตที่เหมาะสมแล้วแต่หากผ่อนชำระไม่ไหว ก็จะเคลียร์หนี้ไม่ได้ เราจึงแนะนำให้คุณผ่อนหนี้ไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน เพราะหากผ่อนมากกว่านี้จะทำให้ใช้ชีวิตประจำวันลำบากเกินไป ตัวอย่างเช่น ถ้ามีรายได้ 40,000 บาท ยอดผ่อนชำระสูงสุดต่อเดือนไม่ควรเกิน 16,000 บาท

5. เตรียมเอกสารสำหรับรวมหนี้บัตรเครดิตให้เรียบร้อย

เอกสารประกอบการสมัครสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต ในกรณีที่เป็นพนักงานประจำมีทั้งหมด 2 ส่วน คือ 1.เอกสารยืนยันตัวตน ซึ่งประกอบไปด้วยบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน และ 2. เอกสารแสดงที่มาของรายได้ ได้แก่ หนังสือรับรองเงินเดือนและบัญชีเดินธนาคารย้อนหลัง แต่หากเป็นเจ้าของกิจการ จะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เช่น สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท หรือบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เป็นต้น

แอป MAKE by KBank ตัวช่วยบริหารเงินให้คุณผ่อนสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตได้ง่ายๆ

application-for-consolidate-credit-card-debt.jpg

เพื่อให้คุณปลดหนี้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีประวัติติดแบล็กลิสต์ นอกจากจะขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตแล้ว ห้ามพลาดกับแอปรายรับรายจ่าย MAKE by KBank ที่จะทำให้คุณบริหารเงินได้ง่ายๆ ตามแบบฉบับของคนรุ่นใหม่ ซึ่งมาพร้อม 4 ฟีเจอร์ใช้งานง่าย รู้ใจมนุษย์เงินเดือนทุกคน ดังนี้

1. Cloud Pocket

ใครที่กำลังปวดหัว ไม่รู้ว่าจะจัดการค่าใช้จ่ายรายเดือนหลังจากขอสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตแล้วอย่างไรดี เราแนะนำให้คุณลองใช้งานฟีเจอร์ Cloud Pocket ที่จะทำให้คุณแบ่งเงินได้เป็นสัดส่วน ผ่านการตั้งชื่อกระเป๋าต่างๆ ตามต้องการ เช่น กระเป๋าสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต กระเป๋ารายจ่ายส่วนตัว หรือกระเป๋าค่าเช่าบ้าน หลังแบ่งเงินเสร็จแล้วก็จะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งในปัจจุบัน และอนาคตได้ดีขึ้น เพราะเห็นเงินได้อย่างชัดเจน เป็นระบบ ไม่ใช้เงินปนกันไปมา

การใช้งานฟีเจอร์ Cloud Pocket ไม่ยุ่งยาก เมื่อเงินเดือนออกแล้ว ก็โอนเงินเข้ากระเป๋าที่ต้องการ ได้ทันที ทำให้จัดการค่าใช้จ่ายได้ง่ายๆ แถม Cloud Pocket ยังให้ผู้ใช้งานตั้งค่าล็อกกระเป๋าเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้เอาเงินไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้อีกด้วย

2. Schedule Transfer

ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมจ่ายสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต ด้วยฟีเจอร์ Schedule Transfer ที่ให้คุณตั้งค่าโอนเงินอัตโนมัติไปยังกระเป๋าเงิน Cloud Pocket ที่ทำหน้าที่แบ่งเงินเพื่อจ่ายหนี้บัตรเครดิตโดยเฉพาะได้ทันทีเมื่อถึงเวลาครบกำหนดชำระ

3. Expense Summary

หากต้องการตรวจสอบว่าจ่ายสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตไปทั้งหมดเท่าไหร่แล้ว ก็ตรวจสอบได้จากฟีเจอร์ Expense Summary ซึ่งทำหน้าที่เปรียบเสมือนบัญชีรายรับรายจ่ายของคนรุ่นใหม่ เมื่อเปิดขึ้นมาก็ทราบทุกธุรกรรมใช้จ่าย ทำให้วางแผนประหยัดเงิน เพื่อจ่ายหนี้ได้ดีกว่าเดิม

4. Edit Memo

ธุรกรรมโอนเงินแบบเดิม คุณอาจเห็นแค่เลขที่บัญชีปลายทางและชื่อผู้รับเงิน ทำให้ไม่ทราบว่าเป็นธุรกรรมประเภทใด แต่ Edit Memo จะทำให้คุณระบุรายละเอียดของธุรกรรมได้ด้วยว่า โอนเงินให้เพราะเหตุผลใด เช่น จ่ายเงินไปกับค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, ค่าบัตรเครดิต เป็นต้น

รวมหนี้บัตรเครดิตแล้ว ให้ MAKE by KBank เป็นผู้ช่วยสร้างวินัยออมเงิน หมดปัญหาเป็นหนี้ระยะยาว!

แม้ว่าคุณจะแก้ปัญหาหนี้ผ่านสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต แต่หากขาดวินัยทางการเงิน ไม่ชำระหนี้สม่ำเสมอ ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้ในระยะยาวได้ จึงไม่แปลกใจนักที่หลายคนเคลียร์หนี้ก้อนเก่าหมดแล้ว ก็กู้เพิ่มจนเป็นหนี้ก้อนใหม่ กลายเป็นปัญหาหนี้สินเรื้อรังที่ไม่มีวันจบ

แต่ถ้าคุณใช้แอปจับจ่ายจด “MAKE by KBank” ตัวช่วยบริหารเงินของคนรุ่นใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์อันหลากหลาย ที่นอกจากจะทำให้สมาชิกทุกคนสามารถออมเงินเพื่อผ่อนชำระสินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิตได้ตรงเวลาแล้ว ยังทำให้คุณอยากออมเงินตั้งแต่วันนี้เพื่อแผนเกษียณในระยะยาวอีกด้วย

หากสนใจแอปพลิเคชัน MAKE by KBank ก็ดาวน์โหลดกันได้เลยที่ Play Store และ App Store ภายในแอปยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกระตุกต่อมอยากออมอีกมากมาย เพียงแค่ฝากเงินเข้าไปก็รับผลตอบแทนไปเลย 1.5% ต่อปี!

Back to Home