Scan to Download
MAKE logo
MAKE logo

แชร์วิธีเก็บเงินล้าน ด้วยเทคนิค 6 jars

6jars-tips.jpg

สำหรับคนที่อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต ด้วยการกลายเป็นคนที่มีเงินแสน หรือเป็นเศรษฐีเงินล้าน บทความนี้ MAKE จะขอแนะนำเทคนิคเด็ดๆ ที่อาจช่วยให้คุณมีวิธีเก็บเงินที่เป็นระบบ และมีวินัยกว่าที่เคย

หากคุณต้องการทำให้เงินที่มีอยู่งอกเงยขึ้น หรืออยากปรับแนวคิดการจัดการเรื่องเงิน เทคนิค “6 Jars” หรือ “ขวดโหล 6 ใบ” อาจเป็นก้าวใหม่ที่เปลี่ยนโลกการเงินของคุณ ให้ก้าวสู่ความมั่งคั่งแบบทันตา

6 Jars คืออะไร มีที่มาอย่างไร

หากคุณกำลังมองหาทริกเก็บเงิน หรือแนวคิดที่ช่วยในการบริหารจัดการเงิน ปัจจุบันมีหนึ่งในแนวคิดที่ได้รับความนิยม และเป็นที่สนใจอย่างแพร่หลาย นั่นก็คือ 6 Jars

6 Jars เป็นเทคนิคของนักการเงินชื่อดัง ซึ่งจะช่วยให้คุณจัดการเงินได้อย่างมีระบบ และสร้างความมั่นคงให้กับเงินในกระเป๋า ด้วยแนวคิดที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ 6 Jars เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการเตรียมแผนการเงินของคุณให้พร้อมรับมือกับอนาคต

6 Jars คืออะไร

6 Jars เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับขวดโหล 6 ใบ เปรียบเหมือนการแบ่งเงินไว้ในขวดโหล โดยแต่ละใบก็จะมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น เงินออม การลงทุน การชำระหนี้ และอื่นๆ

เพราะฉะนั้น แนวคิด 6 Jars จึงช่วยให้คุณมีการวางแผนวิธีเก็บเงินที่ชัดเจน เห็นภาพรวมของเงินในแต่ละส่วน และยังช่วยปรับพฤติกรรมการเงิน เพื่อให้คุณสามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องเผชิญกับความหนักใจเรื่องเงิน

ผู้คิดค้นเทคนิค 6 Jars

6 Jars เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้น โดยกูรูชื่อดังแห่งแวดวงการเงินอย่าง T. Harv Eker ซึ่งเป็นทั้งวิทยากร นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ นักเขียนด้านการเงิน และนักธุรกิจชาวแคนาดา

โดยผลงานของ T. Harv Eker ที่ได้รับความนิยม นั่นคือ หนังสือถอดรหัสลับสมองเงินล้าน ซึ่งหลายคนน่าจะเคยเห็น และรู้จักกันเป็นอย่างดี

เช่นเดียวกับเทคนิค 6 Jars ที่เป็นวิธีเก็บเงินที่ได้รับความนิยมกว้างขวาง และมีผู้ทำตามจำนวนมากในทั่วทุกมุมโลก

วิธีเก็บเงินด้วยเทคนิค 6 Jars ขวดโหลแต่ละใบคืออะไรบ้าง?

อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะเริ่มเห็นภาพแล้วว่า เทคนิค 6 Jars เป็นวิธีเก็บเงินที่ใช้โมเดลการแบ่งเงินที่คุณได้รับเข้ามา ออกเป็นขวดโหล 6 ใบ ตามชื่อของแนวคิด

ซึ่งแต่ละใบก็จะมีวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่แตกต่างกัน เมื่อคุณเห็นภาพรวมของเงินแต่ละส่วนแล้ว ก็จะสามารถใช้ข้อมูลนี้ไปต่อยอด วางแผนการเงินที่เหมาะกับตัวเองได้ มาดูกันว่าขวดโหลแต่ละใบคืออะไรบ้าง

โหลใบที่ 1 สำหรับการใช้จ่ายเงินที่จำเป็น 55%

โหลใบแรกอย่างโหลค่าใช้จ่ายจำเป็น เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของ 6 Jars โดยให้สัดส่วนที่ควรจัดสรรเป็น 55% ซึ่งเงินส่วนนี้เป็นเงินที่จะใช้จ่ายกับเรื่องจำเป็นต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ดังนั้นขวดโหลใบนี้ต้องมีการวางแผนอย่างดี เพื่อให้ใช้จ่ายเพียงพอ และไม่ต้องเบิกเงินจากขวดโหลใบอื่น

การจัดการขวดโหลใบนี้ ต้องทำควบคู่กับวิธีเก็บเงินอื่นๆ ด้วย เช่น การปรับตัว ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อให้คุณยังมีเงินสำหรับเก็บออม หรือลงทุนกับขวดโหลใบอื่น

โหลใบที่ 2 สำหรับให้รางวัลชีวิตกับตนเอง 10%

โหลใบที่ 2 เป็นขวดโหลที่ 6 Jars กำหนดไว้ ว่าให้รางวัลชีวิตตัวเอง และไม่ได้มีเป้าหมายเรื่องการเงิน เพื่อให้การเก็บเงินไม่ตึงเครียดจนเกินไป โดยความสำคัญของโหลนี้คือ การสร้างความสุขและความพอใจในชีวิต เป็นโหลที่คอยเตือนอยู่เสมอ ว่าการเก็บเงินควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป

วิธีการใช้โหลนี้ สิ่งสำคัญไม่ใช่วิธีการเก็บเงินในโหล แต่เป็นวิธีการใช้เงิน ควรใช้ในเรื่องที่คุณสนุก และชื่นชอบ เช่น การเดินทางท่องเที่ยว ค่าอาหารมื้อหรู หรือการซื้อของสะสมต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังขอบเขตการใช้จ่าย ไม่ให้เกิน 10% ของรายได้ในแต่ละเดือน

โหลใบที่ 3 สำหรับการศึกษาและพัฒนาตนเอง 10%

สำหรับโหลใบที่ 3 ของ 6 Jars เป็นขวดโหลการศึกษาและพัฒนาตนเอง นั่นคือวิธีเก็บเงินเพื่อนำไปใช้ในการต่อยอดความรู้ และเสริมสร้างทักษะ เช่น การซื้อคอร์สเรียนต่างๆ หนังสือน่าอ่าน หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาตัวเอง

เมื่อความรู้เพิ่มขึ้น โอกาสในการหางานทำ หรือเสริมสร้างรายได้ในอนาคตก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย เพราะฉะนั้น ขวดโหลนี้จึงเป็นเหมือนการลงทุนในตัวเอง ทำให้คุณมีโอกาสในชีวิตที่มากขึ้น

โหลใบที่ 4 สำหรับการให้ผู้อื่น 5%

โหลใบที่ 4 ในเทคนิค 6 Jars จะเป็นโหลที่เน้นให้โอกาสกับคนอื่น โดยส่วนสำคัญของขวดโหลนี้คือ การแบ่งปันสิ่งที่ตัวเองมี ให้กับคนที่ขาดแคลน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่น่าอยู่มากขึ้น

โหลใบนี้จึงเป็นวิธีเก็บเงินที่ใช้ในการทำความดี ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคให้มูลนิธิ ทำบุญ หรือให้ของขวัญกับคนใกล้ชิด เป็นโหลที่แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ต่อผู้อื่นและสังคม

โหลใบที่ 5 สำหรับเงินเก็บสำรองแบบระยะยาว 10%

โหลใบที่ 5 ของ 6 Jars เป็นวิธีเก็บเงินสำรองระยะยาวเพื่อความมั่นคงในชีวิต โดยการแบ่งส่วนเงินในขวดโหลนี้ ควรเป็นการเก็บออมสำหรับอนาคต ไม่ใช่การใช้จ่ายรายวัน หรือลงทุนระยะสั้น

การเก็บเงินสำหรับขวดโหลใบนี้อาจทำได้หลายแบบ เช่น ฝากเงินในบัญชีฝากประจำ หรือการซื้อประกันชีวิต ซึ่งขวดใบนี้จะเป็นขวดโหลอีกใบที่จะส่วนที่ช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินในอนาคต

โหลใบที่ 6 สำหรับสร้างอิสรภาพทางการเงินให้ตนเอง 10%

โหลใบสุดท้าย ในเทคนิค 6 Jars เป็นวิธีเก็บเงินเพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงิน โดยส่วนที่ควรจัดสรรในโหลนี้คือ 10% ของรายได้ โดยเป้าหมายก็คือ การลงทุนที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ หรือ Passive Income ที่คุณสามารถต่อยอดเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต

โหลใบนี้เป็นโอกาสที่ทำให้คุณสามารถลงทุนในหุ้น กองทุน คริปโต ทองคำ หรือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีรายได้ระยะยาว และเปิดโอกาสให้คุณมีอิสระทางการเงินในอนาคต

แนะนำแอป MAKE by KBank ตัวช่วยแบ่งเงินชั้นเยี่ยมตามเทคนิค 6 Jars

6jars-money-saving.jpg

ถึงแม้ว่าเทคนิค 6 Jars จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และมีประสิทธิภาพ แต่หาไม่เห็นการแบ่งเงินอย่างเป็นรูปธรรม ก็อาจทำให้สับสนหรือหมดกำลังใจจะออมได้ แอปเก็บเงิน MAKE by KBank จะช่วยให้การบริหารเงินกลายเป็นเรื่องที่สะดวก ง่าย และเห็นการแบ่งเงินในบัญชีอย่างชัดเจนมากขึ้นไปอีกขั้น!

ถ้าคุณต้องการแยกเงินตามหลัก 6 Jars ขอแนะนำให้ลองใช้แอป MAKE by KBank ที่จะช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมาย และแบ่งเงินแต่ละส่วนอย่างง่ายดาย สะดวกสบาย เพราะจัดการเงินได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งจะทำให้วิธีเก็บเงินแบบจริงจังตามแนวคิด 6 Jars ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

1. Cloud Pocket

Cloud Pocket เป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณแบ่งเงินเป็นสัดส่วนตามแนวคิด 6 Jars ได้อย่างง่ายดาย โดยคุณสามารถสร้างกระเป๋าขึ้นมาแทนโหลแต่ละใบ ตามจุดประสงค์ที่ต่างกัน เช่น เที่ยว ซื้อของ หรือลงทุน โดยการแยกเงินเป็นสัดส่วนจะทำให้ง่ายต่อการจัดการ

ฟีเจอร์นี้จึงให้ทั้งความสะดวกและความยืดหยุ่นในการจัดการเงิน ช่วยลดข้อผิดพลาดในการใช้เงิน และยังช่วยเสริมสร้างวิธีการออมเงินให้สม่ำเสมอมากขึ้นด้วย

2. Expense Summary

Expense Summary เป็นฟีเจอร์ใน MAKE by KBank ที่มีหน้าที่สรุปยอดค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการผ่านแอป โดยจะใช้หลักการแบ่งหมวดหมู่คล้ายกับ 6 Jars แต่เป็นการแบ่งในฝั่งรายจ่าย คือ ค่าอาหาร การเดินทาง ความบันเทิง ช้อปปิ้ง ชำระบิล และอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งเขียนตารางรายรับรายจ่าย หรือสรุปบัญชีรายรับรายจ่ายด้วยตัวเองทุกครั้ง เดือนไหนที่ใช้เงินเกินตัวกับเรื่องอะไรมากเกินไป ก็สามารถวางแผนวิธีเก็บเงินใหม่ได้ตามต้องการ

3. Pop Pay

Pop Pay เป็นฟีเจอร์ที่ให้คุณโอนเงินระหว่างกลุ่มเพื่อนๆ ที่ใช้ MAKE by KBank ในระยะไม่เกิน 10 เมตร ได้โดยไม่ต้องใช้เลขที่บัญชี รหัสพร้อมเพย์ หรือสแกน QR Code แบบเดิมๆ

ซึ่งคุณสามารถใช้ Pop Pay สำหรับใช้จ่ายในขวดโหลใบที่ 4 ตามแนวคิด 6 Jars ที่เป็นการให้รางวัลตัวเอง นอกเหนือไปจากวิธีเก็บเงินอื่นๆ ได้ อย่างการไปทานอาหารมื้อพิเศษกับเพื่อน แล้วต้องโอนเงินให้กัน เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นไปอีกระดับ

4. Chat Banking

ฟีเจอร์ Chat Banking เป็นเหมือนเลขาส่วนตัวในยุคดิจิทัล ที่จะทำให้คุณทำตามเทคนิค 6 Jars ได้ดีขึ้น โดยจะช่วยในการจดบันทึกธุรกรรมของคุณ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ในธุรกรรมดังกล่าว และยังสามารถเรียกดูรายการที่ใช้จ่ายได้แบบละเอียด ในรูปแบบแชตที่คุ้นเคย

ฟีเจอร์นี้จะทำให้คุณไม่ต้องคอยเปิดหาสลิปโอนเงินในคลังรูป หรือค้นหาข้อมูลในสมุดบัญชีอีกต่อไป เพราะการทำงานของฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผน และเปรียบเทียบการใช้เงินในแต่ละหมวดให้เป็นไปตามวิธีเก็บเงินที่ตั้งไว้ได้

5. Money Request

นอกจากฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณเก็บเงินของตนเองเทคนิค 6 Jars แล้ว แอป MAKE by KBank ยังมีฟีเจอร์ Money Request ความสามารถใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินจากเพื่อนๆ ได้ด้วย

โดยเฉพาะกับคนที่กำลังคิดวิธีเก็บเงินจากเพื่อน ไม่กล้าทวงเงิน เพียงคุณส่งรายการเรียกเก็บหรือ Money Request ไปยังเพื่อนคนนั้น MAKE ก็จะแจ้งเตือนไปทันที ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเลยว่าจะผิดใจในการเรียกเก็บเงินกับเพื่อนๆ

สรุปวิธีเก็บเงิน 6 Jars

วิธีเก็บเงินให้อยู่ด้วยเทคนิค 6 Jars เป็นทางเลือกในการจัดการเงินของคุณให้มีระบบระเบียบ เพิ่มโอกาสในการเติมเต็มเป้าหมายของวิธีออมเงินที่ตั้งไว้ ด้วยการแบ่งเงินเป็นหมวดหมู่ที่แตกต่างกัน

และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำตามเทคนิค 6 Jars แอป MAKE by KBank จึงเป็นเครื่องมือที่จะเป็นตัวช่วยให้คุณเก็บเงินได้ง่ายขึ้นจากฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวก ช่วยให้คุณติดตามความคืบหน้า และตรวจสอบรายละเอียดของการเก็บเงินได้ตลอดเวลา

Back to Home

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ