ก่อนเสี่ยงต้องรู้! เงินลงทุนมีกี่ประเภท? - MAKE by KBank
สแกนเพื่อดาวน์โหลด
MAKE logo
MAKE logo

ก่อนเสี่ยงต้องรู้! เงินลงทุนมีกี่ประเภท?

type-of-investment.jpg

หลังจากเงินเดือนออกชาวออฟฟิศคงออมเงินบางส่วนไว้สำหรับเตรียมพร้อมกับแผนการเงินในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินซื้อบ้าน หรือซื้อรถยนต์สักคัน เพื่อให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

แต่หากเก็บเงินออมอย่างเดียว การไปถึงเป้าหมายที่วางแผนไว้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ไม่ถึง 1% ต่อปี หลายคนจึงแก้ปัญหาด้วยการนำเงินไปลงทุน แต่การลงทุนใช่ว่าจะได้กำไรเสมอไป ในบทความนี้เราจึงพาทุกคนมารู้จักกับการลงทุนรูปแบบต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว

เงินลงทุน คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรบ้าง?

เงินลงทุน คือ การนำเงินออมลงทุนกับสินทรัพย์ที่ทำให้ได้รับผลตอบแทนกลับมา ในรูปแบบของดอกเบี้ย เงินปันผล หรือกำไรจากส่วนต่างของราคาสินทรัพย์ เช่น ลงทุนกับการเปิดบัญชีเงินฝากประจำ, กองทุนรวม, ทองคำ หรือแม้แต่หุ้นกู้

ผู้ที่อยู่ในวงการลงทุนย่อมทราบดีว่ามูลค่าของเงินในอนาคตย่อมลดลง จากผลของเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ตัวอย่างเช่น เมื่อ 20 ปีก่อนข้าวราดแกงราคา 20-30 บาท หมายความว่าเงิน 100 บาทในอดีต ซื้อข้าวได้ประมาณ 5 จาน แต่ปัจจุบันข้าวแกงโดยเฉลี่ยราคาอยู่ที่ 40 - 50 บาท ทำให้เงิน 100 บาทในวันนี้มีค่าเท่ากับซื้อข้าวได้เพียง 2 จานเท่านั้น

การนำเงินไปลงทุนจะช่วยให้คุณมีเงินเพิ่มขึ้น จนผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเก็บที่เตรียมพร้อมสู่วัยเกษียณจะมีมูลค่าลดลง รับรองว่าเกษียณได้อย่างมีความสุข มีเงินใช้จ่ายเพียงพอช่วงบั้นปลายชีวิต

รู้จักกับเงินลงทุนกับสินทรัพย์ทั้ง 8 ประเภท

investment.jpg

สินทรัพย์ทั้ง 8 ประเภทมีดังต่อไปนี้

1. เงินลงทุนระยะสั้น เหมาะกับผู้มีสภาพคล่องน้อย

เงินลงทุนระยะสั้น คือ สินทรัพย์ที่ลงทุนภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ตัวอย่างเช่น เงินฝากออมทรัพย์ หรือเงินฝากประจำ 3 เดือน, 6 เดือน เงินลงทุนประเภทนี้ สามารถถอนมาใช้จ่ายเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่คุณต้องการ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินทางการเงิน

แต่ถ้ายังมีเงินลงทุนระยะสั้นไม่มาก และต้องการผู้ช่วยออมเงินให้มีเงินเก็บเพิ่มขึ้น คุณอาจลองทำบัญชีรายรับรายจ่ายเบื้องต้น เพื่อตรวจสอบว่าแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นรายการใดบ้าง เมื่อพบรายการฟุ่มเฟือยแล้ว ก็ปรับลดรายจ่ายนั้นลง ซึ่งจะช่วยให้คุณมีเงินออมเพิ่มขึ้น จนสามารถต่อยอดกับการลงทุนประเภทอื่นๆ ได้ในอนาคต

2. มีเงินก้อนใหญ่ อย่าลืมลงทุนในหุ้นกู้ หรือพันธบัตร

หากมีเงินลงทุนมากขึ้น จากการศึกษาวิธีเก็บเงินของมนุษย์เงินเดือนต่างๆ มาอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยจนมีเงินลงทุนก้อนใหญ่ เราแนะนำให้ลงทุนกับพันธบัตรหรือหุ้นกู้ เพราะเหมาะอย่างยิ่งกับการรับผลตอบแทนในระยะยาว จนมีเงินเก็บเตรียมพร้อมกับวัยเกษียณ

แต่ทั้งนี้การลงทุนกับสินทรัพย์ระยะยาวทั้ง 2 ประเภท มีความเสี่ยงมากกว่าการออมเงินในระยะสั้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่เจ้าหนี้มีโอกาสผิดนัดชำระได้ การลงทุนกับหุ้นกู้ หรือพันธบัตร จึงควรเลือกสินทรัพย์ที่มีเรทติ้งดี เช่น BBB+ ขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีโอกาสได้เงินต้นคืน และมีเงินใช้จ่ายยามเกษียณ

3. นำเงินมาลงทุนในหุ้น หากรับความเสี่ยงสูงได้

หุ้นกู้ หรือพันธบัตร แม้เป็นรูปแบบของเงินลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากระยะสั้น แต่หากคุณมีเป้าหมายเก็บเงินเพื่อซื้อสินทรัพย์ใหญ่อย่างบ้าน หรือรถยนต์แล้ว ก็ใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีเงินเก็บจนดาวน์บ้าน หรือรถยนต์ได้

ดังนั้นหากศึกษาเรื่องการเงินมาเป็นอย่างดี จนมั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าหุ้นกู้ หรือพันธบัตร การนำเงินลงทุนในหุ้น ก็น่าสนในไม่แพ้กัน แต่ทั้งนี้คุณควรรับความเสี่ยงจากการขาดทุนให้ได้ด้วย เนื่องจากการลงทุนในหุ้นมีความผันผวนสูง

4. คาดหวังผลตอบแทนในระยะยาว อย่าพลาดนำเงินลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์

ถ้าคุณมีเงินลงทุนก้อนใหญ่และคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวเหมือนกับหุ้นกู้ หรือพันธบัตร การลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะราคาบ้าน และที่ดิน ปรับตัวขึ้นทุกปี ทำให้นอกจากมีโอกาสได้กำไรจากราคาสินทรัพย์แล้ว ยังได้เงินลงทุนกลับมาในรูปแบบของค่าเช่าด้วย

ทั้งนี้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็มีความเสี่ยงจากการขาดทุน เพราะหากคุณซื้อที่ดินแล้วปล่อยรกร้าง ไม่ให้ผู้อื่นมาเช่าต่อ ก็อาจขาดทุนจากภาษีที่ดิน และที่ดินกับอสังหาริมทรัพย์บางแห่ง ไม่ได้ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเสมอไป จากการอยู่ในทำเลที่ยากแก่การลงทุน

5. นำเงินออมมาลงทุนในทองคำ

ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นทุกปี ทำให้มนุษย์เงินเดือนสนใจนำเงินออมมาลงทุน เพราะทุกวันนี้การเก็บเงินซื้อทองเป็นเรื่องง่ายมากผ่านเครื่องมือที่เรียกว่าการออมทอง โดยเป็นการทยอยนำเงินเก็บมาซื้อทองทีละน้อย เมื่อถึงเวลาแล้วก็ค่อยถอนทองออกมาตามน้ำหนักที่สถาบันการเงินแห่งนั้นกำหนด

แต่การออมทองถ้าใช้เงินจำนวนเงินไม่มากซื้อทองรายวัน ต้องรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา ทำให้บางวันได้ทองในราคาถูก บางวันได้ทองราคาแพง วิธีแก้ปัญหาดังกล่าวให้หมดไปคุณสามารถใช้แอปเก็บเงินอย่าง MAKE by KBank ให้เป็นผู้ช่วยออมทองได้ง่ายๆ ผ่านฟีเจอร์ Cloud Pocket

กล่าวคือเวลาเงินเดือนออก เพียงแค่หักเงินจากบัญชีเงินเดือนเข้ากระเป๋าเงินออมทองทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีเงินถึงยอดที่กำหนดแล้วค่อยไปออมทองทีเดียวในช่วงราคาทองตก ทำให้ไม่ต้องรับความเสี่ยงจากผันผวนของราคาทองรายวัน

6. สนใจสินค้าพลังงาน นำเงินลงทุนกับน้ำมัน

มือใหม่อาจสงสัยว่าเราสามารถนำเงินลงทุนกับน้ำมันได้จริงหรือ? คำตอบคือลงทุนได้แน่นอน ซึ่งไม่ใช่เป็นการซื้อน้ำมันจากปั๊มแล้วนำมาเก็บที่บ้านแล้วมาขายต่อเมื่อราคาน้ำมันขึ้นเหมือนกับการลงทุนในทองคำอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่เป็นการลงทุนในลักษณะของกองทุนรวม และการเก็งกำไรในตลาดฟิวเจอร์

การลงทุนในกองทุนรวมน้ำมัน ผู้บริหารกองทุนจะนำเงินไปซื้อหน่วยลงทุนกับกองทุนน้ำมันที่ชื่อว่า Invesco DB Oil หรือ United States Oil Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า WTI อีกที ทำให้ความผันผวนของกองทุนน้ำมันสูงกว่ากองทุนรวมทั่วไป แต่ถ้าคุณเทรดเก่งแล้ว ศึกษาด้านเทคนิคคอลมาเป็นอย่างดี ก็อาจลงทุนในน้ำมันด้วยตนเองผ่านตลาดฟิวเจอร์

7. นำเงินลงทุนกับคริปโตเคอเรนซี

การนำเงินลงทุนกับน้ำมันว่ามีความเสี่ยงสูงแล้ว การลงทุนในคริปโตเคอเรนซีจัดว่ามีความเสี่ยงสูงที่สุด เพราะไม่ใช่สินทรัพย์ที่มีมูลค่าด้วยตนเอง และการขึ้นลงของราคารายวันมากกว่า 10% ถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นหากรับความเสี่ยงได้ บริหารจัดการเงินดี การลงทุนในคริปโต ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

8. ของสะสมก็เป็นตัวเลือกลงทุนน่าสนใจ

ของสะสมก็เป็นรูปแบบการลงทุนที่มาแรงไม่แพ้กับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ตัวอย่างเช่น พระเครื่อง, นาฬิกา, เครื่องประดับ หรือแม้แต่ฟิกเกอร์ แต่สินทรัพย์กลุ่มนี้มีข้อเสียคือ ไม่มีราคากลางเหมือนกับสินทรัพย์ประเภทอื่น ราคาขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้รับซื้อเป็นหลัก การนำเงินไปลงทุนกับสินทรัพย์กลุ่มนี้จึงต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ กับลักษณะของตลาดให้ดี มิเช่นนั้นแล้วเสี่ยงต่อการขาดทุนจนหมดแน่นอน

จัดสรรเงินออมไปลงทุนอย่างไรดี ให้ชีวิตสมดุล

ผู้ลงทุนเป็นครั้งแรกคงคาดหวังผลตอบแทนสูงๆ ด้วยการนำเงินออมจำนวนมากไปลงทุนทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่แผนลงทุนที่ดี เนื่องจากควรเตรียมเงินออมบางส่วนเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉิน และซื้อของเป็นรางวัลเล็กน้อยแก่ตนเอง เพื่อลดความเครียดจากการลงทุน โดยคุณสามารถออมเงินให้มีประสิทธิภาพ ด้วยเทคนิคที่เรียกว่าการแบ่งเงินออกเป็น 4 ส่วน

การแบ่งเงินออกเป็น 4 ส่วนประกอบไปด้วย 1.บัญชีเงินออมใช้จ่ายยามฉุกเฉิน 2.บัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในระยะยาว 3.บัญชีเงินออมเพื่อการเกษียณ และ 4.บัญชีเงินออมเพื่อรางวัลสร้างความสุข ตัวอย่างเช่น ออมเงินเดือนละ 2,000 บาท ก็แบ่งเงินไปยังบัญชีทั้ง 4 บัญชีละ 500 บาท

การจัดสรรเงินออมด้วยวิธีดังกล่าวเป็นการกระจายความเสี่ยง ในกรณีที่นำเงินไปลงทุนกับสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงสูงเช่น คริปโตเคอเรนซี หรือ ลงทุนในพลังงานน้ำมัน แล้วเกิดขาดทุน ผลตอบแทนในบัญชีเงินลงทุนระยะยาวที่มีความเสี่ยงต่ำ จะช่วยชดเชยผลการขาดทุนไม่ให้พอร์ตลงทุนโดยรวมเสียหายมากจนเกินไป

ชวนรู้จักกับปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนจัดสรรเงินลงทุน

หลังจากทราบเทคนิคการจัดสรรเงินออม เพื่อการลงทุนด้วยวิธีแบ่งเงินออกเป็น 4 ส่วนตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น สิ่งสำคัญต่อมาที่นักลงทุนควรทราบคือ ปัจจัยที่กำหนดรูปแบบการลงทุน เพราะจะช่วยระบุว่าคุณควรลงทุนกับสินทรัพย์ใด และสินทรัพย์ประเภทใดควรหลีกเลี่ยง ซึ่งมี 3 ปัจจัยที่ต้องพิจารณาดังนี้

1. ความเสี่ยงที่ยอมรับได้

แต่ละคนมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้ไม่เท่ากัน เช่น บางคนเมื่อเห็นในเงินลงทุนในพอร์ตติดลบ 40% ยังคงมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะมองว่าเป็นปัจจัยที่เกิดจากความผันผวนระยะสั้นของราคาสินทรัพย์ ในขณะที่บางรายเมื่อเห็นเงินลงทุนติดลบ 40 % ก็รีบขายขาดทุน เนื่องจากกลัวว่าราคาสินทรัพย์จะไม่กลับไปยังจุดเดิม

ดังนั้นการยอมรับความเสี่ยงได้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากคุณไม่ชอบสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ก็อาจตัดสินใจขายขาดทุนทันที ทั้งที่ราคาสินทรัพย์นั้นยังมีโอกาสกลับตัวไปสู่ระดับเดิมได้ และถ้าขายขาดทุนซ้ำหลายครั้ง พอร์ตการลงทุนย่อมไม่เติบโต สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกการลงทุนไปในที่สุด

2. วัตถุประสงค์ของการลงทุน

ก่อนจัดสรรเงินลงทุนควรทำความเข้าใจก่อนว่าเหตุผลที่ตัดสินใจลงทุนคืออะไร? เช่น นำเงินไปลงทุนเพื่อเตรียมพร้อมสู่วัยเกษียณ หรือลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้มีเงินเพิ่มมากขึ้น โดยหากต้องการนำเงินไปใช้ยามเกษียณ ก็ควรเลือกรูปแบบการลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายในยามบั้นปลายชีวิต

ถ้าต้องการผลตอบแทนสูงๆ เพื่อให้รีบมีเงินซื้อบ้าน หรือรถยนต์ ก็ควรลงทุนกับความเสี่ยงสูง อย่างคริปโตเคอเรนซี หรือลงทุนในหุ้นเป็นต้น แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงจากการขาดทุนให้ได้เช่นกัน

3. อายุของผู้ลงทุน

อายุก็เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดสรรเงินลงทุน เพราะเมื่ออายุมากขึ้นย่อมหมายความว่าคุณเหลือเวลาทำงานไม่กี่ปีก็จะถึงวัยเกษียณ ทำให้มีรายได้ลดลง คนในวัยนี้จำเป็นต้องนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่าง เงินฝากประจำ หรือพันธบัตรแทน เพื่อให้มีเงินใช้ยามบั้นปลายชีวิต

ถ้าอายุยังไม่มาก ยังเหลือเวลาทำงานอีกหลายปีก่อนถึงวัยเกษียณ ก็อาจเน้นไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าได้ เพราะหากสูญเสียเงินต้นไป ก็ยังมีโอกาสหาเงินใหม่ไปลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งตรงข้ามกับวัยใกล้เกษียณที่ไม่สามารถลงทุนผิดพลาดได้เหมือนกับคนที่ยังอายุน้อย

MAKE by KBank ตัวช่วยให้บริหารเงินลงทุน ได้ง่ายๆ

การนำเงินไปลงทุน นอกจากจะช่วยให้คุณวางแผนการเงินเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายในชีวิตไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน หรือซื้อสินทรัพย์ต่างๆ แล้ว ยังทำให้คุณมุ่งสู่อิสรภาพทางการเงินได้ง่ายขึ้น จนมีเงินเก็บเตรียมพร้อมสู่วัยเกษียณ มีเงินใช้จ่ายเพียงพอด้วยเงินปันผล หรือจากดอกเบี้ยเงินฝาก

หากสนใจแอปพลิเคชันทีที่ให้คุณเก็บเงินลงทุนได้ง่ายขึ้น ไม่ควรพลาด “MAKE by KBank” เพราะเพียงแค่เปิดบัญชีแล้วฝากเงินเข้าไป ก็รับดอกเบี้ยจัดหนักจัดเต็มเลย 1.5% ต่อปี สำหรับเงินฝาก 3 แสนบาทแรก ซึ่งให้ผลตอบแทนไม่แพ้เงินฝากประจำ และสามารถเช็กดอกเบี้ยรายวันได้ด้วย ว่าจะได้ดอกเบี้ยเท่าไหร่ ก่อนถึงงวดจ่ายดอกเบี้ยเดือนมิถุนายน และธันวาคม

กลับไปหน้าแรก