ต้องรู้! โปะบ้านให้หมดไว ไม่เป็นหนี้นาน ทำอย่างไร? - MAKE by KBank
สแกนเพื่อดาวน์โหลด
MAKE logo
MAKE logo

ต้องรู้! โปะบ้านให้หมดไว ไม่เป็นหนี้นาน ทำอย่างไร?

cover-the-house-completely-quickly.jpg

ปัญหาปวดหัวของมนุษย์เงินเดือนนอกจากจะเก็บเงินซื้อบ้าน ให้ได้สักหลังแล้ว คือ ภาระหนี้ที่ตามมาหลังจากซื้อบ้าน อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ และกว่าจะผ่อนบ้านหมดก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี ซึ่งถือว่าเป็นภาระหนี้ก้อนใหญ่เลยทีเดียว แถมเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ผ่อนบ้านเท่าไหร่ เงินก็เข้าแต่ดอกเบี้ย ทำให้ความฝันผ่อนบ้านหมด ดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อม

แต่ปัญหาการผ่อนบ้านจะหมดไป ด้วยเทคนิคที่เรียกว่าการโปะบ้าน รับรองว่าเมื่อดูบิลค่าบ้านแล้ว จ่ายเข้าเงินต้นทุกเดือน และเห็นโอกาสผ่อนบ้านหมดในชีวิตนี้แน่นอน จนไม่ต้องเครียดอีกต่อไป!

ชวนทำความรู้จักการโปะบ้าน คืออะไร

น้อยคนจะทราบว่าหนี้บ้านคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก หมายความว่ายิ่งเงินต้นลดลงเท่าไหร่ ค่าดอกเบี้ยบ้านยิ่งลดลงมากขึ้นเท่านั้น สมมติว่า ผ่อนชำระเดือนละ 10,000 บาท เข้าเงินต้น 1,000 บาท ค่าดอกเบี้ยเท่ากับ 9,000 บาท ทำให้มีเงินต้นเหลือเท่ากับ 1.1 ล้านบาท ซึ่งจากเดิมคือ 1,1001,000 บาท

ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยบ้านในงวดถัดไป ด้วยการนำฐานเงินต้น 1.1 ล้านมาคำนวณ หากคุณยังผ่อนชำระเดือนละ 10,000 บาทอยู่ ก็อาจจะลดเงินต้นไปได้ไม่มาก แต่ถ้าใช้เทคนิคที่เรียกว่าการโปะบ้าน จะทำให้ยอดผ่อนบ้านลดลงอย่างเห็นได้ชัด

การโปะบ้านเป็นการใช้เงินจำนวนมากจ่ายค่าบ้านมากกว่าปกติ เช่น จากเดิมผ่อนเดือนละ 10,000 บาท แต่งวดถัดไปอาจผ่อนทีเดียว 40,000- 50,000 บาท แล้วค่อยกลับมาผ่อนเดือนละ 10,000 บาทใหม่ หากคุณสงสัยว่าหาเงินผ่อนชำระจำนวนมากได้อย่างไร ก็อาจลองศึกษาวิธีเก็บเงิน ในแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน ที่ค่อยๆ เก็บเงินสะสมทีละน้อย แล้วโปะบ้านด้วยเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว

การโปะบ้านมีข้อดีอย่างไรบ้าง

การโปะบ้านมีข้อดีหลักๆ 2 ข้อดังต่อไปนี้

1. หมดหนี้บ้านเร็ว

ระยะเวลาผ่อนบ้านโดยเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่อยู่ที่ราว 30 ปี หมายความว่าหากผ่อนบ้านตั้งแต่อายุ 30 กว่าจะผ่อนบ้านหมด ก็อาจถึงอายุ 60 ปี หรือมากกว่านั้น ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คุณเกิดการขาดส่ง แต่หากใช้เทคนิคโปะบ้าน ระยะเวลาผ่อนบ้านหมดอาจเหลือเพียง 10 -15 ปีเลยทีเดียว ทำให้คุณหมดภาระเรื่องบ้านได้เร็วกว่าผู้ที่ผ่อนชำระสม่ำเสมอ และไม่เคยโปะบ้านเลย

2. ลดดอกเบี้ยบ้าน

นอกจากจะช่วยให้หมดหนี้เร็วแล้ว การโปะบ้านยังทำให้ค่าดอกเบี้ยบ้านที่คุณต้องจ่ายลดลงด้วย แน่นอนว่าในช่วงแรกหลังจากหมดช่วงโปรโมชันของทางธนาคาร หลายคนอาจตกใจว่าทำไมผ่อนเท่าไหร่ ถึงเข้าแต่ดอกเบี้ย เงินต้นแทบไม่ลดลงเลย แต่ถ้าเริ่มโปะบ้านด้วยเงินก้อนเมื่อไหร่ รับรองว่าเดือนถัดไปดอกเบี้ยลดลง และจ่ายเข้าเงินต้นมากขึ้นแน่นอน

องค์ประกอบของความมั่งคั่ง กับการโปะบ้าน

รู้หรือไม่ว่าความมั่งคั่งส่วนบุคคลประกอบด้วยสินทรัพย์ 3 ประเภทได้แก่ 1.สินทรัพย์สภาพคล่อง 2.สินทรัพย์เพื่อการลงทุน และ3.สินทรัพย์ส่วนตัว ซึ่งคุณสามารถนำสินทรัพย์ทั้ง 3 เหล่านี้เป็นตัวช่วยให้การโปะบ้านเป็นเรื่องง่าย และปิดหนี้บ้านเร็วดังรายละเอียดต่อไปนี้

1. สินทรัพย์สภาพคล่อง (Liquid Assets)

เป็นสินทรัพย์ที่ทำให้คุณเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายที่สุด เช่น ทองคำ หรือเงินฝากธนาคาร แนะนำว่าในระหว่างที่คุณกำลังผ่อนบ้านอยู่ให้เก็บสินทรัพย์กลุ่มนี้ไว้เท่าที่จำเป็น เพราะอัตราดอกเบี้ยบ้านปัจจุบันผ่อนล้านละ 7,000 บาทอาจไม่เพียงพออีกต่อไป

ดังนั้นหากต้องการโปะบ้านให้หมดเร็วๆ อาจหันมาเก็บเงินสำหรับเหตุจำเป็นน้อยลง เพื่อให้ความมั่งคั่งสุทธิเพิ่มขึ้น ซึ่งความมั่งคั่งสุทธิคำนวณได้จากสินทรัพย์รวม-หนี้สินรวม เช่น บ้านราคา 1 ล้าน - หนี้บ้านรวมราคา 3 ล้านบาท เท่ากับความมั่งคั่งสุทธิติดลบ 2 ล้านบาท เมื่อหนี้บ้านลดลง ก็ส่งผลให้คุณมีความมั่งคั่งสุทธิเพิ่มขึ้น

2. สินทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Assets)

ตัวอย่างของสินทรัพย์ประเภทนี้ เช่น หุ้น กองทุนรวม หรือพันธบัตรรัฐบาล โดยเป็นสินทรัพย์ที่ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มความมั่งคั่งได้ในระยะยาว ซึ่งหลายคนแบ่งเงินออมเป็น 4 ส่วนจากเงินเดือน สำหรับมาลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าวโดยเฉพาะ เพื่อคาดหวังการเกษียณยามบั้นปลาย

แต่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยบ้านปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น มีสินทรัพย์ไม่กี่ประเภทที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าอัตราดอกเบี้ยบ้าน เราจึงแนะนำให้คุณลองลดพอร์ตการลงทุน หรือชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อนำเงินมาโปะบ้านเพิ่มขึ้น ก็ช่วยให้คุณปิดหนี้บ้านเร็วขึ้นอีกทาง

3. สินทรัพย์ส่วนตัว (Personal Assets)

บ้านเป็นสินทรัพย์ส่วนตัวที่มีมูลค่ามากกว่าสินทรัพย์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ หรือคอมพิวเตอร์ ที่ราคาลดลงทุกปีจากความเสื่อมของสภาพสินทรัพย์ แต่บ้านเมื่อนานวันเข้ากลับมีราคาเพิ่มสูงขึ้น และนำไปต่อยอดสร้างรายได้อื่นๆ ได้ ผ่านการจำนอง เพื่อนำเงินทุนไปสร้างธุรกิจส่วนตัว

หากวางแผนโปะบ้าน อาจพิจารณาซื้อสินทรัพย์ส่วนตัวอื่นๆ ที่มีมูลค่าในอนาคตน้อยกว่าบ้านอย่างฟิกเกอร์ หรือของฟุ่มเฟือยด้วยการรูดบัตรเครดิต เพียงเท่านี้คุณก็จะมีบ้านเป็นสินทรัพย์ของคุณจริงๆ ในอนาคต

แนะนำ 5 วิธีโปะบ้านที่มือใหม่ควรรู้

cover-the-house.jpg

1.ค่อยๆ เพิ่มยอดโปะบ้าน

การทยอยเพิ่มยอดโปะบ้านเหมาะกับมนุษย์เงินเดือนผู้วางแผนบริหารเงินดีเยี่ยม เพราะอย่างที่ทราบว่าคนส่วนมากผ่อนหนี้บ้านเกินกว่า 50% ของรายได้ ทำให้การทยอยเพิ่มยอดโปะ เช่น จากเดิมผ่อนเดือนละ 11,000 บาท ไปผ่อนเดือนละ 12,000 บาท จำเป็นต้องปรับลดค่าใช้จ่ายลง หรือหางานเสริมเพื่อเพิ่มรายได้

หากต้องการตัวช่วยให้วางแผนเพิ่มยอดโปะบ้านได้ดียิ่งขึ้น เราแนะนำแอปเก็บเงิน อย่าง MAKE by KBank ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ Cloud Pocket ที่จะช่วยให้คุณสร้างกระเป๋าเงินสำหรับนำเงินเหลือใช้จ่ายในแต่ละวัน หรือเงินเสริมจากงานพิเศษมาเพิ่มยอดโปะบ้านให้มากขึ้น

2.โปะบ้านด้วยเงินก้อนจากเงินโบนัส

ถ้าไม่สามารถวางแผนการเงินด้วยการเพิ่มยอดโปะบ้านได้อย่างสม่ำเสมอ อีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้มนุษย์เงินเดือนสามารถปิดหนี้บ้านได้ขึ้น คือ การใช้เงินโบนัสช่วงปลายปีโปะบ้านในครั้งเดียว เช่น จากเดิมผ่อนเดือนละ 10,000 บาท เมื่อได้โบนัสมา 120,000 บาท ก็นำไปจ่ายค่าบ้านช่วงสิ้นปี แทนที่จะนำเงินไปเที่ยวต่างประเทศเหมือนมนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆ

การโปะบ้านด้วยเงินโบนัส จะช่วยให้ยอดผ่อนบ้านในงวดถัดไปลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่วิธีนี้ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะหากบางปีผลประกอบการของบริษัทไม่เป็นไปตามเป้า ในปีนั้นคุณอาจจะไม่ได้รับโบนัสมาโปะหนี้บ้าน

3.ใช้สินเชื่อรีไฟแแนนซ์ (Refinance) หลังจากผ่านช่วงโปรโมชัน

สินเชื่อรีไฟแนนซ์เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ผู้กำลังผ่อนบ้านอยู่ไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยให้ดอกเบี้ยบ้านลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่แพ้กับการโปะหนี้บ้าน โดยปกติแล้วหลายคนนิยมขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ในช่วงหลังจากโปรโมชันซื้อบ้านหลังจากผ่อนบ้านไปแล้ว 1 - 3 ปีแรก

แต่การขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม หรือค่าประเมินหลักประกัน และใช้เวลาเดินเรื่องเอกสารค่อนข้างนาน เนื่องจากเปลี่ยนสินเชื่อจากธนาคารแห่งเดิมไปธนาคารใหม่ อีกทั้งค่าธรรมเนียมของสินเชื่อรีไฟแนนซ์อาจมากพอๆ กับค่าผ่อนบ้านใน 1 เดือนได้เลย

4.รีเทนชั่น อีกหนึ่งตัวช่วยทางการเงินที่หลายคนไม่รู้จัก

การปรับโครงสร้างหนี้บ้านหลายคนมักคุ้นเคยกับสินเชื่อรีไฟแนนซ์ แต่ที่จริงแล้วยังมีสินเชื่ออีกประเภทที่เรียกว่าการรีเทนชั่น ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยปิดหนี้บ้านได้เร็ว หากทำควบคู่ไปกับการโปะหนี้บ้าน ข้อดีของการรีเทนชั่นคือ ไม่เสียค่าธรรมเนียมในการเดินเรื่อง เพราะเป็นการทำธุรกรรมผ่านธนาคารเดิม

การรีเทนชั่นมีข้อสำคัญที่ทุกคนควรทำความเข้าใจ คือ อัตราดอกเบี้ยของการรีเทนชั่นจะได้รับน้อยกว่าสินเชื่อรีไฟแนนซ์ เพราะเป็นการทำธุรกรรมผ่านธนาคารเดิม แต่การรีเทนชั่นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเหมือนกับสินเชื่อรีไฟแนนซ์

5.หลีกเลี่ยงการสร้างหนี้สินใหม่ๆ

ระหว่างอยู่ในช่วงกำลังผ่อนบ้าน สิ่งสำคัญที่ควรหลีกเลี่ยง คือ การสร้างหนี้ใหม่ เพราะเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้มีเงินโปะบ้านน้อยลงกว่าเดิม เนื่องจากต้องแบ่งเงินบางส่วนไปชำระหนี้ใหม่ที่คุณก่อขึ้น และหากเป็นหนี้ที่เกิดจากการบริโภคที่ไม่จำเป็นอย่างหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้บัตรกดเงินสดด้วยแล้ว รับรองว่าต้องปวดหัวกับภาระหนี้ที่กำลังตามมาแน่นอน

ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงกับการใช้เงินฟุ่มเฟือย และก่อหนี้ใหม่กับการซื้อของที่ไม่จำเป็น เราแนะนำให้คุณทำบัญชีรายรับรายจ่าย สำหรับตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายที่เผลอใช้เงินเกินตัว และควรลงรายการค่าใช้จ่ายให้ตรงตามความเป็นจริงให้ได้มากที่สุด

แนะนำตัวช่วยให้คุณโปะบ้านง่ายๆ ด้วยแอปพลิเคชัน MAKE by KBank

การโปะบ้านเป็นเทคนิคที่จะช่วยให้คุณผ่อนบ้านหมดได้ก่อนใคร ซึ่งการโปะบ้านมีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการโปะบ้านจำนวนมากในครั้งเดียวใน 1 ปี หรือค่อยๆ เพิ่มยอดผ่อนชำระ แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะโปะบ้านด้วยวิธีใด อย่าลืมขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ หรือรีเทนชั่นบ้าน เพื่อให้ดอกเบี้ยลดลงในงวดถัดไป

และไม่ควรพลาดกับแอปพลิเคชัน MAKE by KBank ซึ่งเป็นตัวช่วยทางการเงินที่จะทำให้คุณวางแผนโปะบ้านได้ดียิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ Cloud Pocket ที่ช่วยแบ่งเงินเก็บให้เป็นสัดส่วน ใช้เงินได้อย่างเป็นระเบียบแล้ว ฟีเจอร์อย่าง Shared Cloud Pocket ก็ทำให้คุณเก็บเงินร่วมกับคนรู้ใจจนสามารถนำเงินก้อนไปโปะบ้านได้เช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น MAKE by KBank เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์น้องใหม่ เพียงแค่ตั้งชื่อกระเป๋าเงินว่า “แผ่นออมเงิน” หรือใส่อีโมจิ “” แล้วกดล็อกกระเป๋าเงิน ระบบจะพาคุณไปพบกับน้องเมคสีเหลือง เพื่อให้เลือกว่าต้องการออมเงินโปะบ้านเท่าไหร่ระหว่าง 1,000 บาท, 3,000 บาท หรือ 10,000 บาท จากนั้นน้องเมคจะคำนวณให้ว่าต้องเก็บเงินต่อวันกี่บาท? และจำนวนทั้งสิ้นกี่ครั้ง เมื่อทำตามแผนของน้องเมค รับรองว่ามีเงินก้อนโปะบ้านแน่นอน

กลับไปหน้าแรก