ซื้อประกันลดหย่อนภาษี อย่างไร? เพื่อวางแผนภาษีในปี 2567
หนึ่งในสิ่งที่มนุษย์เงินเดือน รวมถึงผู้มีรายได้ทุกคนต้องเจอ คงหนีไม่พ้นการยื่นภาษีในทุกๆ ปี และสำหรับบางคนที่มีรายได้หลักแสน ก็จำเป็นต้องเสียภาษีในจำนวนไม่น้อย บางคนเสียภาษีเท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนไปเลยทีเดียว ประกันลดหย่อนภาษีจึงกลายเป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับผู้มีรายได้ในการวางแผนการเงิน เพราะได้ทั้งสิทธิ์ในการคุ้มครองสุขภาพ คุ้มครองชีวิต รวมถึงลดหย่อนภาษีในคราวเดียว
แต่การเลือกซื้อประกันลดหย่อนภาษี ที่ตอบโจทย์ชีวิตของแต่ละคนก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรพิจารณา เนื่องจากประกันที่ลดหย่อนภาษีได้แบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ แล้วประกันมีกี่รูปแบบ? แบบไหนที่เหมาะกับคุณ? หาคำตอบได้ในบทความนี้!
สารบัญบทความ
- ทำประกัน สามารถลดหย่อนภาษีได้อย่างไร?
- ประกันแบบไหนบ้าง ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้?
- ประกันชีวิตแบบทั่วไป เพื่อคุ้มครองชีวิตและลดหย่อนภาษี
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ เพื่อวางแผนเกษียณ พร้อมลดหย่อนภาษี
- ประกันสุขภาพของตนเอง เพื่อดูแลสุขภาพและลดหย่อนภาษี
- ประกันสุขภาพของพ่อแม่ เพื่อดูแลคนที่คุณรัก พร้อมลดหย่อนภาษี
- เทคนิคเลือกซื้อประกันลดหย่อนภาษี ให้ตอบโจทย์ชีวิต
- คำนวณภาษีที่ต้องจ่ายให้ชัดเจน
- ตรวจสอบสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีอย่างละเอียด
- เลือกรูปแบบประกันลดหย่อนภาษีที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ
- เปรียบเทียบแผนประกันจากหลายๆ บริษัท
- เบี้ยประกันลดหย่อนภาษี จัดการได้ด้วย MAKE by KBank ตัวช่วยเปลี่ยนเรื่องเงินเป็นเรื่องง่าย
- Cloud Pocket สร้างกระเป๋าเงินสำหรับเบี้ยประกัน
- Schedule Transfer โอนเงินอัตโนมัติ ไม่พลาดชำระเบี้ยประกัน
- Expense Summary ติดตามค่าใช้จ่าย และวางแผนเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
- ประกันลดหย่อนภาษี อีกหนึ่งวิธีวางแผนการเงินให้ยั่งยืน
ทำประกัน สามารถลดหย่อนภาษีได้อย่างไร?
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำประกันชีวิต สามารถลดหย่อนภาษี ได้ยังไง? แล้วสามารถทำได้จริงหรือไม่? คำตอบคือ ประกันลดหย่อนภาษีได้จริง แต่มีเงื่อนไขบางประการที่ต้องปฏิบัติตาม เนื่องจากการนำเบี้ยประกันชีวิตมาลดหย่อนภาษี เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รัฐจัดให้สำหรับผู้มีรายได้ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการวางแผนทางการเงิน และมีความคุ้มครองชีวิต หลักการคือ เมื่อคุณจ่ายเบี้ยประกัน คุณสามารถนำจำนวนเงินบางส่วนไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ทำให้คุณเสียภาษีน้อยลง
ประกันแบบไหนบ้าง ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้?
1. ประกันชีวิตแบบทั่วไป เพื่อคุ้มครองชีวิตและลดหย่อนภาษี
ประกันชีวิตแบบทั่วไป เป็นรูปแบบหนึ่งของประกันลดหย่อนภาษี ซึ่งเป็นประกันที่คุ้มครองชีวิตของคุณ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น โดยผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนหนึ่ง นอกจากความคุ้มครองชีวิตแล้ว การซื้อประกันชีวิต ยังนำเบี้ยประกันชีวิตมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้อีกด้วย โดยประกันชีวิตแบบทั่วไปแบ่งออกได้เป็นประเภทหลักๆ ดังนี้
-
ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance) ให้ความคุ้มครองตลอดชีวิตของผู้เอาประกันจนกว่าจะเสียชีวิต โดยเบี้ยประกันจะคงที่ตลอดอายุกรมธรรม์**
-
ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Life Insurance) ให้ความคุ้มครองในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี หากผู้เอาประกันชีวิตเสียชีวิตในช่วงเวลาคุ้มครอง ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินประกัน
-
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance) ให้ความคุ้มครองชีวิตพร้อมกับการสะสมเงินออม เมื่อครบกำหนดสัญญาผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืน
-
ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน (Unit Linked Insurance) เป็นการผสมผสานระหว่างการประกันชีวิตและการลงทุน ผู้เอาประกันสามารถเลือกการลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้
เงื่อนไขการนำเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปมาลดหย่อนภาษี แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ โดยประกันชีวิตแบบตลอดชีพ แบบชั่วระยะเวลา และแบบสะสมทรัพย์ นำมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ในขณะที่ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาท เฉพาะค่าการประกันภัย และค่าใช้จ่ายหลักอื่นๆ ของกรมธรรม์เท่านั้น ส่วนของการลงทุนไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
2. ประกันชีวิตแบบบำนาญ เพื่อวางแผนเกษียณ พร้อมลดหย่อนภาษี
ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นประกันที่เน้นการออมเพื่อใช้ในยามเกษียณ นอกจากจะได้รับเงินบำนาญเมื่อถึงอายุที่กำหนดแล้ว ยังสามารถนำเบี้ยประกันมาหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย แล้วเบี้ยประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่? คำตอบคือ เบี้ยประกันชีวิต สามารถลดหย่อนภาษีได้ 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี และในกรณีที่ไม่ได้นำประกันชีวิตทั่วไปไปลดหย่อนภาษี ก็สามารถนำประกันชีวิตแบบบำนาญไปใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท อย่างไรก็ตาม จะต้องเป็นประกันของบริษัทในประเทศไทยเท่านั้น มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป และจ่ายเบี้ยประกันครบถ้วน
3. ประกันสุขภาพของตนเอง เพื่อดูแลสุขภาพและลดหย่อนภาษี
หลายคนอาจสงสัยว่า ประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษีได้ไหม? ประกันสุขภาพของตัวเราเอง เป็นรูปแบบที่ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ และการรักษาพยาบาล โดยครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งในกรณีเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ ประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรง โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี เงื่อนไขเพิ่มเติมคือ ต้องมีการชำระเบี้ยประกันจริงในปีภาษีนั้นๆ
4. ประกันสุขภาพของพ่อแม่ เพื่อดูแลคนที่คุณรัก พร้อมลดหย่อนภาษี
นอกจากดูแลตนเองแล้ว การดูแลสุขภาพของคนที่เรารัก อย่างการทำประกันสุขภาพให้พ่อและแม่ ก็สามารถลดหย่อนภาษีได้ถึง 15,000 บาทต่อปี แล้วควรทําประกันชีวิตให้พ่อแม่ แบบไหนดี? การเลือกประกันของพ่อแม่ ควรเลือกแผนที่เหมาะสมกับอายุและสุขภาพของพ่อแม่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองที่เพียงพอ ประกันรูปแบบนี้มีเงื่อนไขคือ ผู้ทำประกันจะต้องเป็นลูกแท้ๆ ของพ่อและแม่ตามกฎหมายเท่านั้น ในกรณีที่เป็นลูกบุญธรรมจะไม่สามารถทำประกันให้พ่อและแม่ได้ ที่สำคัญพ่อแม่ต้องมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท และเราหรือพ่อแม่จะต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วันในปีนั้นๆ
เทคนิคเลือกซื้อประกันลดหย่อนภาษี ให้ตอบโจทย์ชีวิต
หลังจากที่เรารู้แล้วว่า ประกันแบบไหนลดหย่อนภาษีได้ ถึงเวลาที่จะมาเรียนรู้เทคนิคการเลือกซื้อประกันลดหย่อนภาษี เพื่อให้เหมาะสม และคุ้มค่ากับเงื่อนไขชีวิตของแต่ละคนมากที่สุด ดังนี้
1. คำนวณภาษีที่ต้องจ่ายให้ชัดเจน
ก่อนตัดสินใจซื้อประกันลดหย่อนภาษี สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ คำนวณภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละปี เพื่อประเมินว่าคุณสามารถนำประกันไปลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ การรู้จำนวนภาษีที่ต้องจ่ายจะช่วยให้คุณเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับวงเงินที่คุณต้องการลดหย่อนได้ แนวทางการคำนวณ ได้แก่
- รวบรวมรายได้ทั้งปีจากแหล่งต่างๆ เช่น เงินเดือน โบนัส หรือรายได้จากการลงทุน ฯลฯ
- คำนวณภาษีตามอัตราภาษีที่กรมสรรพากรกำหนด
- หักลบค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สามารถหักได้ตามกฎหมาย
2. ตรวจสอบสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีอย่างละเอียด
ทุกคนมีสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันชีวิต แต่วงเงินที่สามารถลดหย่อนได้ และประเภทของประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนได้ จะแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร อย่าลืมตรวจสอบว่าคุณมีรายได้ที่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ ตรวจสอบประเภทของประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนได้ เช่น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิตแบบบำนาญ พร้อมตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดของกรมสรรพากรในการลดหย่อนภาษีให้ละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจเงื่อนไขต่างๆ อย่างชัดเจน
3. เลือกรูปแบบประกันลดหย่อนภาษีที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ
เมื่อรู้จำนวนภาษีที่ต้องจ่ายและสิทธิ์ในการลดหย่อนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้
- ความคุ้มครอง เลือกแผนประกันที่ให้ความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ เช่น ความคุ้มครองชีวิต ความคุ้มครองสุขภาพ หรือความคุ้มครองบำนาญ
- เบี้ยประกัน เปรียบเทียบเบี้ยประกันของแต่ละบริษัท เพื่อเลือกแผนประกันที่คุ้มค่าที่สุด
- ระยะเวลาชำระเบี้ย เลือกระยะเวลาชำระเบี้ยที่เหมาะสมกับกำลังทรัพย์ของคุณ
- สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม บางบริษัทอาจมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น สิทธิ์ในการรับเงินคืน หรือสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนแผนประกัน
4. เปรียบเทียบแผนประกันจากหลายๆ บริษัท
การเปรียบเทียบแผนประกันจากหลายๆ บริษัท จะช่วยให้คุณสามารถเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีที่สุด อย่าลังเลที่จะขอใบเสนอราคา และรายละเอียดแผนประกันจากตัวแทนประกันชีวิตหลายๆ แห่ง เพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน โดยศึกษาเบี้ยประกันและความคุ้มครองของแต่ละบริษัท ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ และบริการหลังการขายของบริษัทประกันภัย ตลอดจนอ่านรีวิว และคำแนะนำจากผู้ใช้บริการประกันภัยด้วย
ควรซื้อประกันลดหย่อนภาษีตอนไหนดี?
การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการวางแผนภาษีของคุณ แต่คำถามที่ว่า "ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือเมื่อไหร่?" นั้นไม่มีคำตอบตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสถานะทางการเงินของคุณ เป้าหมายทางการเงิน และกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้อง
หลายคนมองว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการซื้อประกันลดหย่อนภาษี คือ
- ปลายปี (เดือนตุลาคม-ธันวาคม) ช่วยให้สามารถคำนวณ และจัดการภาษีของปีนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีสำหรับปีนั้น อีกทั้งบริษัทประกันมักมีโปรโมชันพิเศษในช่วงปลายปีเพื่อกระตุ้นยอดขาย ทำให้อาจได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าช่วงเวลาอื่น
- ต้นปี (เดือนมกราคม-มีนาคม) การซื้อประกันตั้งแต่ต้นปีจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินและการออมได้ตลอดทั้งปี ทำให้การจัดการภาษีเป็นเรื่องง่ายและเป็นระบบ มีเวลาสะสมเบี้ยประกันตลอดทั้งปี ซึ่งสามารถลดภาระในการชำระเบี้ยในช่วงเวลาสั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี คือเมื่อคุณพร้อมทั้งในด้านการเงิน และความต้องการความคุ้มครอง หากคุณต้องการซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี 2567 การซื้อประกันก่อนสิ้นปีจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากคุณต้องการความคุ้มครองที่ต่อเนื่อง การซื้อประกันเมื่อใดก็ได้ตลอดทั้งปีก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมเช่นกัน
เบี้ยประกันลดหย่อนภาษี จัดการได้ด้วย MAKE by KBank ตัวช่วยเปลี่ยนเรื่องเงินเป็นเรื่องง่าย
การจัดการเงินเพื่อจ่ายเบี้ยประกัน เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณจะไม่พลาดการชำระเงินตรงเวลา โดยตัวช่วยอย่างแอป MAKE by KBank มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยในการจัดการเงิน และทำให้การชำระเบี้ยประกันเป็นเรื่องง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
Cloud Pocket สร้างกระเป๋าเงินสำหรับเบี้ยประกัน
การใช้ฟีเจอร์ Cloud Pocket โดยเฉพาะสำหรับเก็บเงินจ่ายเบี้ยประกัน ช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่ามีเงินเก็บสำหรับเบี้ยประกันอยู่เท่าไร โดยคุณสามารถกำหนดเป้าหมายยอดเงินที่ต้องการเก็บในกระเป๋าเงินนี้ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คุณออมเงินได้สม่ำเสมอ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบยอดเงินในกระเป๋าเงินได้ตลอดเวลา ทำให้คุณรู้ว่าใกล้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้วหรือยัง
Schedule Transfer โอนเงินอัตโนมัติ ไม่พลาดชำระเบี้ยประกัน
สำหรับใครที่กลัวว่าจะลืมจ่ายเบี้ยประกัน สามารถใช้ฟีเจอร์ Schedule Transfer เพื่อกำหนดวันและจำนวนเงินที่ต้องการโอนจากบัญชีหลักไปยังกระเป๋าเงินสำหรับเบี้ยประกันได้ โดยระบบจะทำการโอนเงินให้โดยอัตโนมัติในวันที่กำหนด ช่วยลดความเสี่ยงในการลืมชำระเบี้ยประกัน และทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องการชำระเงินล่าช้า
Expense Summary ติดตามค่าใช้จ่าย และวางแผนเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากจ่ายเบี้ยประกันในแต่ละเดือนแล้ว สามารถใช้ฟีเจอร์ Expense Summary เพื่อสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคุณในแต่ละเดือน ทำให้เห็นภาพรวมของการใช้จ่าย และสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถใช้ฟีเจอร์ Custom Category และ Edit Memo เพื่อสร้างหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายเอง และเพิ่มหมายเหตุรายละเอียด เพื่อจัดการบัญชีของคุณให้เป็นระบบ และวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง เพื่อหาแนวทางปรับปรุงการใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประกันลดหย่อนภาษี อีกหนึ่งวิธีวางแผนการเงินให้ยั่งยืน
การทำประกันลดหย่อนภาษี เป็นอีกวิธีที่ดีสำหรับมนุษย์เงินเดือนในการลดหย่อนภาษีในแต่ละปี โดยประกันที่ดีของแต่ละคน อาจจะไม่ใช่รูปแบบเดียวกัน เนื่องจากแต่ละคนย่อมมีเงื่อนไขชีวิตที่ต่างกัน ดังนั้น เมื่อต้องการเลือกประกันที่ตอบโจทย์ ก็ควรศึกษารายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจน โดยเฉพาะการศึกษาข้อกำหนดว่าการซื้อประกันแต่ละรูปแบบสามารถลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ เพื่อให้ตอบโจทย์กับเรามากที่สุด
สำหรับใครที่ต้องการหาตัวช่วยดีๆ เพื่อจัดการเบี้ยประกัน สามารถใช้ MAKE by KBank แอปพลิเคชันจัดการเบี้ยประกันของคุณให้เป็นระบบมากขึ้น โดยมีฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Cloud Pocket Schedule Transfer และ Expense Summary ช่วยให้คุณสามารถแบ่งเงินออม จัดสรรงบประมาณ และติดตามค่าใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย
*โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย