อายุ 35 อยากเปลี่ยนงาน วางแผนการเงินอย่างไร หากมีเรื่องฉุกเฉิน - MAKE by KBank
สแกนเพื่อดาวน์โหลด
MAKE logo
MAKE logo

อายุ 35 อยากเปลี่ยนงาน วางแผนการเงินอย่างไร หากมีเรื่องฉุกเฉิน

Banner ยิ่งอายุมากขึ้นเรื่องของการหาหรือเปลี่ยนงานก็เป็นสิ่งที่ยากตามด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่อายุย่างเข้าสู่วัย 35 ปี หรือมากกว่านั้น เกิดอารมณ์เบื่อกับที่ทำงานเดิมจากเหตุผลหลาย ๆ ด้าน เช่น เดินทางไกล มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน เงินไม่พอใช้ ฯลฯ อยากลองเปลี่ยนงานใหม่ดูบ้าง ก็ควรรู้จัก “วางแผนการเงิน” ให้ดี ที่สำคัญต้องเช็กเงินสำรองของตนเองด้วยว่าเพียงพอกับการใช้ชีวิตระหว่างหาเงินใหม่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นหากเงินเดือนหมดหรือมีเรื่องต้องใช้เงินฉุกเฉินขึ้นมาแต่ยังไม่ได้งานแล้วจะมีปัญหายุ่งยาก

อายุ 35 อยากเปลี่ยนงาน ต้องวางแผนการเงินให้ดี

ตามที่เกริ่นไปว่าคนอายุ 35 แล้วอยากเปลี่ยนงานจริงแล้วก็ยังไม่ถือเป็นวัยที่มากเกินไปนัก แต่ด้วยยุคนี้มีเด็กจบใหม่เยอะมาก บวกกับเงินเดือนระหว่างคนมีประสบการณ์สูงกับคนจบใหม่ต่างกันสิ้นเชิง ยิ่งถ้าคุณไม่ใช่ระดับหัวหน้า หรือมีทักษะในงานที่ทำสูงคงต้องคิดให้หนักยิ่งขึ้น

แต่ถ้าหากลองทบทวนแบบแน่วแน่แล้วว่ายังไงก็อยากเปลี่ยนงานใหม่อยู่ดี สิ่งสำคัญลำดับแรกที่ควรรู้เอาไว้คือ วิธี “วางแผนการเงิน” ให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านเงิน ๆ ทอง ๆ ทั้งเรื่องเงินเดือนหมดทั้งทียังหางานใหม่ไม่ทัน มีเรื่องต้องใช้เงินเร่งด่วน ฉุกเฉิน แต่เงินสำรองไม่เพียงพอ บางคนเวลาผ่านไปหลายเดือนยังหางานใหม่ไม่ได้เสียทีก็เริ่มเข้าสู่สภาวะเงินไม่พอใช้ ลองมาดูกันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

1. เริ่มเก็บเงินเอาไว้ใช้สำรองตั้งแต่ยังไม่คิดออกจากงาน

หากคิดวางแผนการเงินให้ดีข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก คุณควรเก็บเงินสำรองเอาไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉินตั้งแต่ยังไม่คิดออกจากงานเก่าด้วยซ้ำ อาจเลือกเก็บแยกบัญชีต่างหากโดยไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวใด ๆ เลย เฉลี่ยไว้เดือนละ 5-10% ของรายได้ เมื่อมีเงินก้อนนี้อยู่ ต่อให้แผนเกี่ยวกับการหางานใหม่ไม่เป็นไปตามเป้า เกิน 3 เดือนแล้วแต่ยังไม่งานก็ไม่ถือว่าเดือดร้อนเกินไปนัก

2. วางแผนเก็บเงินทันทีเมื่อมีเป้าหมายหางานใหม่

ย้ำว่าเงินส่วนนี้จะแยกกับเงินก้อนก่อนหน้า โดยก้อนสำรองอาจไม่ได้ใช้ระหว่างหางาน แต่เป็นการเก็บเผื่อในกรณีที่เงินไม่พอใช้ในช่วงไหนก็ดึงเอามาผ่อนหนักเป็นเบาไปก่อน แต่เงินก้อนนี้เมื่อคุณรู้แล้วว่าในอนาคตอันใกล้ยังไงก็มีแผนลาออกจากงานที่เก่าแน่ แต่ยังไม่รู้จะได้เริ่มต้นงานใหม่ที่ไหน เมื่อไหร่ วิธีที่ปลอดภัยมากสุดคือ เริ่มต้นเก็บเงินแยกเอาไว้ระหว่างหางานใหม่ไปเลย โดยคุณต้องประเมินว่าต่อเดือนมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แล้วมีเวลาอีกกี่เดือนถึงจะยื่นใบลาออก เช่น

ค่าใช้จ่ายทุกอย่างต่อเดือนอยู่ประมาณ 15,000 บาท ตอนนี้มีรายได้เดือนละ 35,000 บาท อีก 2 เดือนข้างหน้าจะยื่นใบลาออก มีผลบังคับอีก 1 เดือนหลังจากนั้น รวมทั้งหมดมีเวลาเก็บเงิน 3 เดือน จากนั้นก็ประเมินต่อถึงระยะเวลาที่คาดว่าจะได้งานและต้องใช้เงินเก็บนี้อีก 1 เดือน เพื่อรอเงินเดือนก้อนใหม่ สมมุติคุณวางไว้ว่าภายใน 2 เดือนต้องหางานให้ได้ นั่นเท่ากับต้องเผื่อเงินไว้สำหรับ 3 เดือน ระหว่างที่ว่างงาน

จากเงื่อนไขดังกล่าวสรุปว่า คุณต้องเก็บเงินให้ได้อย่างน้อย 45,000 บาท สำหรับเวลา 3 เดือน (รวมได้งานแล้วและต้องทำงานไปก่อน 1 เดือน) เพื่อป้องกันปัญหาเงินเดือนหมด ไม่พอใช้จ่าย และจากระยะเวลาที่เหลืออยู่ของการทำงานที่เก่า ก็เท่ากับควรมีการเก็บเงินเฉลี่ยเดือนละ 15,000 บาท แยกต่างหากจากเงินเก็บอื่นเพื่อเอาไว้ใช้ในช่วงหางานและทำงานที่ใหม่เดือนแรกนั่นเอง

Image2

วางแผนการเงินไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเพียงแค่มี MAKE by KBank

จากคำแนะนำเบื้องต้นไม่ว่าคุณจะอายุ 35 หรืออายุเท่าไหร่ก็ตามแล้วมีแผนอยากเปลี่ยนงานใหม่สิ่งสำคัญสุดคือต้องรู้จักวางแผนการเงินด้วยวิธีแยกเงินเก็บให้ชัดเจน แต่ลำพังหากต้องเปิดบัญชีธนาคารหลายแห่งคงเป็นเรื่องยุ่งยาก และอาจทำให้เกิดความสับสนได้ ดังนั้นใครที่เตรียมหางานใหม่แต่กลัวเงินเดือนหมดขอแนะนำให้ลองดาวน์โหลด MAKE by KBank

นี่คือแอปพลิเคชันที่จะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างง่ายดายมากขึ้นกับฟีเจอร์เด็ดสุดปังอย่าง Cloud Pocket ซึ่งทำหน้าที่ในการแบ่งกระเป๋าเงินออกได้ไม่จำกัด นั่นหมายถึงแต่ละเดือนคุณมีค่าใช้จ่ายเรื่องไหน อยากเก็บเงินเพื่ออะไรบ้างก็แบ่งกระเป๋าเงินเสมือนเป็นบัญชีธนาคารได้ตามชอบเลย พอมีเงินเดือนเข้ามาก็โอนไปยังกระเป๋าต่าง ๆ ที่แบ่งเอาไว้ นี่คือการแยกเงินออกเป็นสัดส่วนแบบชัดเจน หากช่วงไหนประเมินแล้วว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเปลี่ยนงานใหม่ก็เพิ่มกระเป๋าเงินสำรองระหว่างหางานเอาไว้ มั่นใจได้เต็มร้อยกับการบอกลาปัญหาเงินไม่พอใช้

นอกจาก Cloud Pocket แล้ว MAKE by KBank ยังมีฟีเจอร์น่าสนใจให้ใช้งานอีกเพียบ ทั้ง Expense Summary สรุปค่าใช้จ่ายรายเดือนให้เสร็จสรรพทุกเดือน Pop Pay โอนเงินง่ายแค่เปิดบลูทูธ และอื่น ๆ ลองใช้งานแล้วไม่ผิดหวังแน่ รวมถึงล่าสุดแอปนี้ยังมีการนำระบบ Biometric Login เข้ามาใช้งานแล้ว เพียงแค่ตั้งค่าบนแอปก็สามารถปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือหรือสแกนใบหน้าได้อย่างง่ายดาย ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่ขนานแท้

ไม่ว่าจะวางแผนการเงินเพื่อให้มีเงินสำรองใช้ระหว่างหางานใหม่ หรือต้อง การแยกค่าใช้จ่ายและสำรองเงิน ในด้านต่าง ๆ เพื่อป้องกันปัญหาเงินไม่พอใช้ก็ทำได้อย่างง่ายดาย บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวเงินเดือนหมดอีกต่อไป

กลับไปหน้าแรก