ไม่มีเงินสำรอง เก็บเงินไม่อยู่ แก้ปัญหายังไงดี

ชาวออฟฟิศจำนวนไม่น้อยที่มักประสบกับปัญหาไม่มีเงินสำรองเอาไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน เก็บเงินไม่อยู่ มีเท่าไหร่ก็ใช้จนหมดเกลี้ยง อาจด้วยภาระอันแสนหนักอึ้ง หรือเป็นคนติด นิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เกินตัวก็ตาม อย่าชะล่าใจหรือปล่อยไว้แล้วคิดว่าเป็นเรื่องอนาคต เพราะบางทีเรื่องไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นใครที่กำลังปวดหัวกับเรื่องนี้อยู่ พยายามบันทึก รายรับ-รายจ่ายแล้วก็ยังไม่เห็นผลลัพธ์ในเชิงบวก ลองมาเริ่มต้นวางแผนการใช้จ่ายใหม่ เพื่อให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นกันเถอะ

แก้ปัญหาไม่มีเงินสำรองต้องเริ่มจากปรับพฤติกรรม

อยากแก้ปัญหาไม่มีเงินสำรอง เมื่อถึงเวลาต้องใช้จ่ายในเรื่องเร่งด่วนก็ต้องกู้หนี้ยืมสินคนอื่นมาก่อน จริงแล้วปัญหานี้ไม่ได้ยากอย่างที่คิดหากมีการวางแผนและจัดระบบอย่างเหมาะสม รวมถึงรู้จักใช้ตัวช่วยใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์มากที่สุด โดยจะขอเริ่มจากวิธีพื้นฐานที่ให้ทุกคนปรับพฤติกรรมของตนเองใหม่

1. เลิกใช้งานบัตรเครดิต และซื้อเฉพาะเงินสดหรือเงินโอนเท่านั้น

พฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตรูดกันมันมือในช่วงต้นเดือน พอถึงเวลาสิ้นเดือนก็มานั่งหงอย เครียดกับบิลที่ต้องจ่าย สุดท้ายก็ไม่ไหวต้องผ่อนชำระขั้นต่ำ กลายเป็นหนี้สินพอกพูนไม่รู้จบ เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมแนะนำให้เลิกใช้งานบัตรเครดิตไปเลยจะดีที่สุด คนส่วนใหญ่เวลารูดบัตรแล้วมักคิดว่าตนเองชำระเงินเรียบร้อย ทั้งทีความจริงคุณนำเงินอนาคตมาใช้ต่างหาก ถ้าเลิกนิสัยนี้ได้แม้ไม่ได้มีการวางแผนการใช้จ่ายใด ๆ มากนัก แต่ก็ยังมีเงินเก็บอยู่บ้างแน่ ๆ

2. หากิจกรรมอื่นแทนนั่งดูไลฟ์ขายของหรือเข้าแอปช้อปปิ้งออนไลน์

ยุคนี้คนส่วนใหญ่เก็บเงินไม่อยู่เพราะวันว่าง ๆ หรือระหว่างทำงานก็ตามมักนั่งดูไลฟ์สดขายของ หรือเข้าแอปช้อปปิ้งเพื่อดูไปเรื่อย พอเจอสิ่งที่ถูกใจก็มักไม่ได้คิดว่าจะเอามาใช้ทำอะไร ขอแค่มีโปรเด็ด ช่วงลดราคาก็รีบกดซื้อ รู้ตัวอีกทีตอนที่ต้องจ่ายเงินก็เข้าสู่หลักพันไปเรียบร้อย พฤติกรรมแบบนี้ควรรีบแก้อย่างเร่งด่วน วิธีก็ไม่ได้ยากอะไรเลย แค่เลิกดูหรือเข้าแอปเหล่านี้แล้วหากิจกรรมอื่นแทนที่ไม่ต้องใช้เงิน เช่น นอนดูซีรี่ย์, อ่านหนังสือ, หารายได้พิเศษ ฝืนตัวเองแล้วเก็บเงินที่จะใช้เอาไว้ดีกว่า

3. แยกเงินออกเป็นสัดส่วนในแต่ละเรื่องให้ชัดเจน

หลายคนบอกว่าพยายามบันทึก รายรับ-รายจ่าย แต่สุดท้ายก็เละไม่เป็นท่า นั่นเพราะเงินในบัญชีที่ใช้ก็ยังอยู่รวมกัน บ่อยครั้งก็จ่ายเพลินแบบไม่รู้ตัว พอมาบันทึกตอนสิ้นสัปดาห์ หรือสิ้นเดือนอีกทีกลายเป็นเงินที่ตั้งใจเก็บถูกใช้ไปเรียบร้อย ลองเปลี่ยนแนวทางการใช้เงินของตนเองด้วยวิธีแยกรายจ่ายออกจากรายรับให้เป็นสัดส่วนดู ซึ่งตรงนี้หลายคนถามว่าควรทำยังไงดีนะ ก็มีคำแนะนำเพิ่มเติมมาบอกกันแล้ว

แยกเงินเป็นสัดส่วนด้วย MAKE by KBank บอกลาปัญหาเก็บเงินไม่อยู่ได้เลย

ตามที่บอกเอาไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคนเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม ใครที่ไม่มีเงินสำรอง กำลังปวดหัวกับวิธีวางแผนการใช้จ่าย เจอกับสถานการณ์เก็บเงินไม่อยู่ สิ้นเดือนเหมือนแทบสิ้นใจ พยายามบันทึก รายรับ-รายจ่ายก็ไม่สำเร็จ มาเริ่มต้นแยกเงินเป็นสัดส่วนด้วยการใช้งานแอป MAKE by KBank กันดีกว่า เพราะคุณจะได้สัมผัสกับฟีเจอร์เด่น ดังนี้

1. Cloud Pocket

นี่ถือเป็นฟีเจอร์ไฮไลท์เด็ดในการวางแผนการเงินของทุกคนเลยก็ว่าได้ ด้วยรูปแบบการใช้งานจะแบ่งกระเป๋าเงินออกได้แบบไม่จำกัด จากนั้นคุณก็แยกค่าใช้จ่ายออกเป็นกระเป๋าไว้เลย หรือใครมีเป้าหมายในการเก็บเงินก็แยกเพิ่มเติมได้อีก

ตัวอย่างง่าย ๆ หลังได้เงินเดือนมาแล้วทำการแยกค่าใช้จ่ายออก เช่น ค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าอินเทอร์เน็ต, ค่าผ่อนรถ, ค่าน้ำมันรถ, ค่าเติมเงินในเกม, ค่าของใช้ส่วนตัว, ค่าอาหาร, ค่าช้อปปิ้ง-ปาร์ตี้, เงินเดือนพ่อแม่ รวมถึงอาจมีกระเป๋าเงินเก็บ อาทิ เงินเก็บรอเกษียณ, เงินเก็บเที่ยวปลายปี, เงินเก็บซื้อของขวัญวันเกิดแฟน, เงินใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เป็นต้น เมื่อแยกออกได้แบบนี้ก็มั่นใจเลยว่าจะไม่มีการนำเงินส่วนอื่นมาใช้จ่ายปะปนกันแน่นอน แถมยังสามารถมีเงินสำรองเอาไว้ใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอีกต่างหาก

2. Expense Summary

อีกฟีเจอร์สำหรับคนที่เบื่อกับการบันทึก รายรับ-รายจ่าย เมื่อมีแอป MAKE by KBank ก็จบความวุ่นวายตรงนี้ได้เลย เพราะเมื่อถึงสิ้นเดือนจะมีการสรุปรายจ่ายที่ทำธุรกรรมผ่านแอปทั้งหมดโดยแยกเป็น 6 หมวด คือ ค่าเดินทาง, ค่าอาหาร, ความบันเทิง, ค่าช้อปปิ้ง, ชำระบิล และอื่น ๆ จึงรู้ว่าเดือนที่ผ่านมาใช้หมวดไหนมากเกินไป แล้วลองปรับพฤติกรรมใหม่ในเดือนถัดไป เท่านี้ก็บอกลาปัญหาเก็บเงินไม่อยู่ได้เลย

ความพิเศษของแอป MAKE by KBank ยังมีอีกเพียบไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Pop Pay, Chat Banking และ Money Request ด้วยความตั้งใจที่อยากให้คนไทยสามารถ วางแผนการใช้จ่าย ของตนเองได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม หากอยากรู้ว่าแอปนี้ดีจริงมากน้อยแค่ไหน Influencer ชื่อดังด้านการเงินอย่างช่อง Than Money Trick ได้มีการรีวิวให้ด้วยนะ ลองติดตามเลย "คลิก"