

ประกันชีวิต ถือเป็นการลงทุนกับอนาคตเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ในเวลาที่ผู้ทำประกันจากไปแล้ว ผู้รับผลประโยชน์จะไม่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน แต่ถ้าปัจจุบัน ผู้ทำประกันเกิดขาดสภาพคล่องเอง คำถามที่ตามมาก็จะมีตั้งแต่ ถ้าเกิดขาดส่งประกันชีวิตขึ้นมาจะส่งผลต่อกรมธรรม์หรือเปล่า ไม่จ่ายประกันชีวิตกี่เดือนถึงขาดสิทธิ์คุ้มครอง และสามารถวางแผนการเงินอย่างไรให้ส่งประกันชีวิตได้ต่อเนื่อง เรามาไขข้อสงสัยทั้งหมดผ่านบทความนี้กัน
การขาดส่งประกันชีวิต คือ การที่ผู้ทำประกันไม่ได้จ่ายค่ากรมธรรม์ตามระยะเวลาที่กำหนด ทำให้ความคุ้มครองที่มีอยู่อาจไม่ต่อเนื่องหรือสิ้นสุดลง แม้จะไม่ได้แจ้งยกเลิกก็ตาม แต่บริษัทประกันก็มีทางเลือกเพื่อยืดหยุ่นให้กรมธรรม์คุ้มครองต่อได้ เช่น
การขาดส่งประกันชีวิตนั้นต่างจากการเวนคืนประกันตรงที่
Grace Period หรือ ระยะเวลาผ่อนผัน คือ ช่วงเวลาที่สามารถชำระค่าประกันหลังวันครบกำหนดได้
โดยไม่ถือว่าขาดประกันและไม่มีผลต่อการคุ้มครอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Grace Period คือ 31 วัน (อาจมากกว่าหรือน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน)
เช่น หากครบกำหนดชำระเบี้ยในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 แต่ไม่ได้จ่าย ก็สามารถชำระได้จนถึงวันที่ 1 กันยายน 2568 โดยที่ไม่เสียการผลประโยชน์ใด ๆ
หากไม่จ่ายเบี้ยประกันชีวิตในช่วงเวลาผ่อนผัน หรือ Grace Period ก็จะถือว่ากรมกรมธรรมสิ้นสุด หรือ ขาดประกันทันที โดยเราสามารถเช็ก Grace Period ของประกันชีวิตผ่านแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ หรือ คอลเซ็นเตอร์ของบริษัทประกันก็ได้ โดยหากสถานะการชำระเงินของเราเกิน Grace Period แล้ว แต่ยังไม่เกินระยะเวลาการขอกลับคืนสถานะกรมธรรม์ (Reinstatement) ก็อาจสามารถทำเรื่องขอความคุ้มครองกลับคืนมาได้
เราสามารถกรอกเอกสารขอกลับคืนสถานะกรมธรรม์ (Reinstatement) และยื่นเรื่องเพื่อให้กรมธรรม์กลับมาคุ้มครองได้ แต่จะมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น
โดยเงื่อนไขเหล่านี้ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันแต่ละบริษัท
หากไม่จ่ายประกันนานถึง 3 เดือน (หรือประมาณ 90 วัน) จะถือว่าประกันขาดทันที เนื่องจากเลยช่วงผ่อนผันที่บริษัทประกันอนุโลมให้ไปแล้ว ซึ่งเราอาจขอรื้อคืนสถานะกรมธรรม์ได้โดยต้องชำระเบี้ยที่ค้างและอาจต้องตรวจสุขภาพใหม่ตามเงื่อนไขของบริษัท หรือสำหรับประกันชีวิตประเภทที่มีเงินสะสม บริษัทอาจนำเงินก้อนนั้นมาใช้ต่ออายุกรมธรรม์ชั่วคราว อย่างไรก็ดี หากไม่แน่ใจว่าประกันยังคุ้มครองอยู่หรือไม่ ควรติดต่อบริษัทประกันโดยตรงเพื่อขอข้อมูลที่ชัดเจน
การขาดส่งประกันชีวิตที่เลยจาก Grace Period ไปแล้วส่งผลในหลาย ๆ ด้านด้วยกัน ทำให้เกิดความเสี่ยงและความสูญเสียที่เพิ่มขึ้น
ความคุ้มครองหายไปหรือลดลง
หากผู้ทำประกันเกิดเสียชีวิตในช่วงที่ขาดความคุ้มครองจากประกันชีวิต ผู้รับผลประโยชน์จะ
ไม่สามารถขอคืนเบี้ยประกันที่จ่ายไปแล้วได้
หากไม่ได้ยื่นเรื่องเวนคืนประกันอย่างถูกกิจจะลักษณะ ผู้ทำประกันอาจไม่สามารถขอเบี้ยประกันคืนได้ หรืออาจถูกบริษัทประกันหักเงินไปชดเชยค่าเบี้ยที่ค้างชำระและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น
เงื่อนไขของกรมธรรม์ที่เปลี่ยนไป
บริษัทประกันอาจปรับเงื่อนไขของกรมธรรม์โดยอัตโนมัติ เช่น
หากผู้ทำประกันขาดสภาพคล่องในปัจจุบัน แต่ไม่อยากเสียความคุ้มครองจากกรมธรรม์ไป เราขอแนะนำวิธีที่ทำให้ประกันยังมีผลอยู่ แม้ว่าผลประโยชน์บางอย่างจะลดลงก็ตาม
ดึงมูลค่าเวนคืนหรือเงินสะสมมาจ่ายเบี้ย
มูลค่าเวนคืน คือเงินที่ผู้ทำประกันสามารถได้คืนเมื่อแจ้งขอยุติกรมธรรม์ หากขาดส่งประกันชีวิต บริษัทประกันจะนำมูลค่าเวนคืนหรือเงินสะสมมาชำระแทนค่าเบี้ยได้อัตโนมัติในลักษณะการกู้ยืมและมีดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ปรับงวดการชำระเงินหรือความคุ้มครอง
เราสามารถแจ้งบริษัทประกันเพื่อปรับงวดการชำระเงิน จากรายปีเป็นรายครึ่งปีหรือ 3 เดือนได้ ทำให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเป็นก้อนใหญ่ทีเดียว แต่จะแพงขึ้นในภาพรวม
นอกจากนั้น เราสามารถลดจำนวนเงินเอาประกันเพื่อให้เบี้ยถูกลง หรือเปลี่ยนแบบกรมธรรม์เป็นแผนที่ถูกลงได้ แลกกับความคุ้มครองที่ลดลง
แจ้งเปลี่ยนเป็น “กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ” หรือ “กรมธรรม์แบบขยายเวลา”
หากผู้ทำประกันมีการชำระเบี้ยอย่างต่อเนื่องก่อนขาดส่งประกันชีวิตและไม่เคยผิดเงื่อนไขอื่น สามารถยื่นเรื่องกับบริษัทประกันเพื่อหยุดจ่ายเบี้ยประกันและเปลี่ยนกรมธรรม์เป็นสถานะดังนี้
แผนการเงินที่ดีจะช่วยให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดส่งประกันชีวิต และมีเงินใช้อย่างเป็นระบบระเบียบในเรื่องอื่น โดยมีเทคนิคแนะนำ ดังนี้
สิ่งที่สามารถนำมาพิจารณาในการเลือกแผนประกันที่เหมาะกับเราได้นั้นมีหลายปัจจัยด้วยกัน โดยอาจเลือกแผนที่ราคาไม่สูงมาก จ่ายได้ต่อเนื่อง และครอบคลุมในส่วนที่ต้องการ เช่น
เพื่อให้มีเงินจ่ายเบี้ยในทุกงวด ไม่ต้องขาดส่งประกันชีวิตและขาดความคุ้มครอง เรามีวิธีสำรองค่าประกันง่าย ๆ โดยใช้สุดยอดตัวช่วยด้านการออมอย่างแอป MAKE by KBank มาร่วมด้วย ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ในกรณีจ่ายเบี้ยประกันรายปี เอาค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายมาหารด้วย 12 เพื่อหาจำนวนเงินที่ต้องสะสมต่อเดือน เช่น ถ้าเบี้ยประกัน 60,000 บาท ก็ต้องเตรียมเงิน 60,000/12 = 5,000 บาทต่อเดือน
สำหรับคนที่จ่ายเบี้ยประกันงวดครึ่งปี ให้นำ 6 มาหารแทน 12 ส่วนงวด 3 เดือน ให้นำ 3 มาหารแทน
ใช้แอป MAKE by KBank และสร้าง Cloud Pocket (กระเป๋่า์ย่อยเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ) ไว้สำหรับสะสมค่าเบี้ยประกันโดยเฉพาะ เพื่อแยกเงินก้อนนี้ออกจากเงินสำหรับใช้ในเรื่องอื่น ๆ
โดยที่ Cloud Pocket สามารถกำหนดจำนวนเงินเป้าหมายได้ รวมถึงแสดงเงินสะสมที่มีอยู่ตอนนี้
เมื่อเงินเดือนออก ให้แบ่งเงินตามที่คำนวณได้มาไว้ใน่ Cloud Pocket สำหรับสะสมค่าเบี้ยประกันโดยเฉพาะ และหลีกเลี่ยงการใช้เงินก้อนนี้ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะขาดส่งประกันชีวิต
การขาดส่งประกันชีวิตบางครั้งอาจมาจากการลืมจ่าย ในแอป MAKE by KBank มีฟังก์ชัน ตั้งรายการ To Do List แบบรายเดือนหนือรายครั้ง เพื่อเตือนชำระเบี้ยได้อย่างทันเวลา หรือเพื่อให้ไม่ลืมออมเงินมาใช้สำหรับจ่ายหนี้
นอกจากช่วยบริหารเบี้ยประกันแล้ว MAKE by KBank ยังให้คุณสามารถเลือกและสมัครประกันชีวิตได้โดยตรงผ่านแอป กับประกันชีวิตและสุขภาพ D Health Easy Care ที่ตอบโจทย์วัยทำงานมาก ๆ
**เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
***ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
รับประกันชีวิตโดย บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต
บมจ. ธนาคารกสิกรไทยในฐานะนายหน้านิติบุคคล ใบอนุญาตเลขที่ ช00024/2546 รับประกันชีวิตโดย บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต
เบี้ยประกันภัย สามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด