6 วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย อนุมัติไว ไม่ต้องรอนาน! - MAKE by KBank
สแกนเพื่อดาวน์โหลด
MAKE logo
MAKE logo

6 วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย อนุมัติไว ไม่ต้องรอนาน!

how-to-apply-for-a-loan.jpg

ทำงานไปได้สักพักมนุษย์เงินเดือน, ผู้ประกอบการ คงมีเงินก้อนจนสามารถเก็บเงินซื้อบ้าน และเมื่อมีเงินดาวน์เพียงพอแล้ว สเต็ปต่อมาคงหนีไม่พ้นกับการขอสินเชื่อบ้านเพื่อตอบโจทย์ความฝันของตนเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าวิธีขอสินเชื่อให้ผ่านต้องทำอย่างไร เพราะบางคนขอแล้วขออีกยังยื่นไม่ผ่าน

ด้วยเหตุนี้เราจึงนำเทคนิคและวิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน มาฝากมือใหม่ทุกคน บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด รับรองว่าผ่านฉลุย! เตรียมตัวเป็นเจ้าของบ้านในฝันกันได้เลย

1. เคลียร์ประวัติหนี้สินให้เรียบร้อย

ก่อนที่สถาบันการเงินจะพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้คุณหรือไม่? จะเช็กประวัติการผ่อนชำระหนี้ย้อนหลังผ่านฐานข้อมูลของเครดิตบูโร หากพบว่าคุณมีประวัติผิดนัดชำระหนี้เกินกว่า 90 วัน แสดงให้เห็นว่าสุขภาพทางการเงินไม่ดีนัก ในกรณีนี้สถาบันการเงินมีโอกาสไม่ปล่อยสินเชื่อให้ เพราะมีสิทธิ์เป็นหนี้เสียสูงมาก

แต่ถ้าประวัติหนี้สินใสสะอาด ไม่มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 30 วัน ย่อมแสดงให้เห็นว่าเครดิตทางการเงินดีมาก สถาบันการเงินมีโอกาสปล่อยสินเชื่อให้สูง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าวิธีขอสินเชื่อให้ผ่านเป็นอันดับแรก ก็ควรจัดการหนี้สินเก่าให้เรียบร้อย

2. Statements ธนาคารสำคัญมาก ห้ามพลาด

วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านสเต็ปต่อมา คือ การเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง ผู้ขอสินเชื่อหน้าใหม่คงสงสัยว่าทำไมขั้นตอนนี้ถึงสำคัญ? คำตอบเป็นเพราะสถาบันการเงินต้องการเห็นว่าคุณมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ และมีพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินเป็นอย่างไร หากรายจ่ายเยอะกว่ารายได้ทุกเดือน แถมไม่มีเงินเก็บ
ต่อให้รายได้เยอะแค่ไหน สถาบันการเงินก็ปฏิเสธสินเชื่อได้เช่นกัน

หากต้องการเดินบัญชีธนาคารอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณอาจจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายด้วยตนเอง สำหรับตรวจสอบว่าแต่ละเดือนใช้จ่ายเงินไปกับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นรายการใดบ้าง จากนั้นค่อยปรับลดรายการฟุ่มเฟือยลง เพื่อให้มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นทุกเดือน

3. ใช้บัตรเครดิต เพื่อสร้าง Credit Scoring ที่ดี

ใครประวัติการเงินไม่เคยมีหนี้สินเลย วินัยทางการเงินดีมาก จากการศึกษาวิธีเก็บเงินต่างๆ ของมนุษย์เงินเดือน อย่างดี เช่น ออมในหุ้น บัญชีเงินฝากประจำ หรือซื้อทองคำสม่ำเสมอ อย่าเพิ่งดีใจไปว่าสถาบันการเงินจะปล่อยสินเชื่อให้ เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าสิ่งที่ธนาคารใช้ตรวจสอบ

ประวัติหนี้สินคือ เครดิตบูโร ถ้าไม่เคยมีประวัติในเครดิตบูโรเลย ก็เป็นเรื่องยากที่จะพิจารณาปล่อยสินเชื่อ

แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องสร้างประวัติบนเครดิตบูโร ด้วยการขอสินเชื่ออนุมัติง่าย อย่างสินเชื่อส่วนบุคคล ที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 25% ต่อปี แล้วนำเงินไปชอปปิง ผ่อนชำระหมด จนไม่มีเงินเก็บ ซึ่งขั้นตอนสร้างประวัติบนเครดิตบูโรง่ายกว่านั้น แถมมีเงินเก็บด้วยนั่นคือ ทำบัตรเครดิต

สาเหตุที่แนะนำให้ทำบัตรเครดิต เนื่องจากหากคุณเป็นพนักงานออฟฟิศ หรือเจ้าของกิจการที่มีรายได้เกิน 15,000 บาท และรับเงินเดือนเป็นประจำ มีสิทธิ์ผ่านการอนุมัติสูง ซึ่งผู้ทำบัตรเครดิตแสดงให้เห็นว่าเป็นคนมีรายได้ และมีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้สินมากกว่าคนกลุ่มอื่นอีกด้วย

หลังจากได้รับบัตรเครดิตมาแล้ว ให้คุณใช้บัตรเครดิต เพื่อเริ่มต้นสร้างคะแนนเครดิตทางการเงิน หรือที่รู้จักกันในชื่อ Credit Scoring ผ่านการซื้อของแล้วชำระให้ตรงเวลา ไม่ชำระขั้นต่ำ กรณีนี้คะแนนเครดิตของคุณจะขึ้นในเรท AA ซึ่งหมายความว่าคะแนนเครดิตดีมาก และมีเกณฑ์ผ่านอนุมัติสินเชื่อสูง

วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน ด้วยการสร้างคะแนนเครดิตนอกจากจะช่วยให้ผ่านการพิจารณาสินเชื่อง่ายขึ้นแล้ว ยังมีโอกาสได้ข้อเสนอสินเชื่อในอัตราที่ต่ำกว่าผู้มีคะแนนเครดิตน้อยกว่าอีกด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการที่วางแผนขอสินเชื่อทำธุรกิจ การทำบัตรเครดิตไว้สักใบ อาจช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย จากการสร้างคะแนนเครดิตอย่างสม่ำเสมอ

4. ดูความสามารถในการผ่อนชำระด้วย

เป็นเรื่องปกติของผู้ขอสินเชื่อเมื่อสถาบันการเงินถามว่าผ่อนไหวไหม? ร้อยทั้งร้อยต่างตอบว่าผ่อนได้ แต่เมื่อถึงเวลาต้องผ่อนชำระจริงๆ ต่างเกิดปัญหาผ่อนไม่ได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ เพราะหมดโปรโมชันช่วงผ่อนชำระ ที่ช่วงปีแรกดอกเบี้ยต่ำ แต่พอปรับเป็นดอกเบี้ยปกติ หลายคนผ่อนต่อไม่ได้กรณีเช่นนี้พบได้บ่อยกับสินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อธุรกิจ

วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านจึงไม่ใช่แค่การเดิน Statements ให้ดี หรือเคลียร์ประวัติหนี้สินย้อนหลังให้หมด แต่ควรประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของคุณ ผ่านสูตรคำนวณ
วงเงินผ่อนต่อเดือน = รายรับต่อเดือน * 40%
40% มีที่มาจาก สถาบันการเงินมักกำหนดไม่ให้ผ่อนชำระเกิน 40% ของรายได้

ตัวอย่างเช่น นาย A เงินเดือน 20,000 บาท วงเงินผ่อนต่อเดือนที่เหมาะสม คือ (20,000 * 0.40)
= 8,000 บาท

แต่ถ้ารายจ่ายต่อเดือนเยอะเกินไป คุณอาจลองพิจารณาปรับตัวเลข 40% ลงมาอยู่ที่ 20 - 30% ซึ่งหากมองแล้วว่าทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยมาก จนไม่สามารถปิดหนี้ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ก็ควรหาช่องทางเพิ่มรายได้ หรือออมเงินไปก่อน แทนที่จะขอสินเชื่อ ซึ่งยิ่งทำให้การเงินตึงตัวยิ่งขึ้น

5. ตรวจสอบคุณสมบัติของตนเอง

สาเหตุหนึ่งที่หลายคนขอสินเชื่อไม่ผ่าน คือ เลือกสินเชื่อที่ไม่เหมาะสมกับคุณสมบัติของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์, อายุของผู้สมัคร, ข้อมูลบัญชีธนาคารย้อนหลังไม่ถึงตามระยะเวลาที่กำหนด หรือแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ที่ให้มาทั้งเบอร์โทรที่ทำงาน และที่บ้าน ไม่สามารถติดต่อได้ ฯลฯ

เมื่อทราบดังนี้แล้ววิธีขอสินเชื่อให้ผ่านเพียงแค่ตรวจสอบคุณสมบัติให้ดีก่อนยื่นขอสินเชื่อ รวมทั้งให้ข้อมูลตรงความเป็นจริง ก็จะมีโอกาสผ่านการพิจารณามากยิ่งขึ้น

6. เตรียมเอกสารให้เรียบร้อย

หลังจากศึกษา 5 วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านมาข้างต้น ผู้ขอสินเชื่อหน้าใหม่หลายคนพลาดขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือ เอกสารไม่ครบ อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าการขอสินเชื่อต้องเตรียมเอกสารจำนวนมาก และกลุ่มอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ ต้องเตรียมเอกสารเยอะเป็นพิเศษ เพราะไม่มีรายได้ประจำ ทำให้ต้องเดินบัญชีย้อนหลังด้วยการสร้างเงินออมอย่างสม่ำเสมอ และต้องเตรียมใบเสร็จรับเงิน หรือสัญญาจ้างงานแนบไปด้วย

MAKE by KBank เครื่องมือออมเงิน สร้าง Statement ที่ดีในการขอสินเชื่อ

apply-for-a-loan.jpg

ใครกำลังมองหาไอเทมลับที่จะช่วยบริหารค่าใช้จ่าย พร้อมออมเงินได้ทุกเดือน สามารถเดินบัญชี Statements ธนาคารย้อนหลัง จนยื่นขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ ต้องไม่พลาดกับแอปเก็บเงิน “MAKE by KBank” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้คุณขอสินเชื่อให้ผ่านได้ง่ายๆ ด้วย 2 ฟีเจอร์ดังต่อไปนี้

1. Cloud Pocket

หากมีปัญหาเดินบัญชีธนาคารเพราะใช้บัญชีออมทรัพย์ทั้งรับเงินเดือน พร้อมจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้เก็บเงินไม่อยู่ เพียงแค่ใช้ฟีเจอร์ Cloud Pocket จาก MAKE by KBank ที่ให้สมาชิกผู้ใช้งานแบ่งกระเป๋าเงินเป็นสัดส่วน ผ่านการตั้งชื่อกระเป๋าที่คุณต้องการ ตามวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น กระเป๋าเงินเก็บ กระเป๋าจ่ายค่าห้อง หรือกระเป๋าจ่ายหนี้บัตรเครดิต เป็นต้น

นอกจากช่วยในเรื่องแบ่งเงินเป็นสัดส่วนแล้ว Cloud Pocket ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันตั้งค่าการโอนเงินล่วงหน้าอัตโนมัติ ทำให้คุณแบ่งเงินเก็บเข้ากระเป๋าเงินออมได้ทันที เพียงเท่านี้บัญชีธนาคารของคุณก็จะเป็นบวกทุกเดือน ส่งผลดีต่อการยื่นขอสินเชื่อธนาคารอีกด้วย

และฟีเจอร์น้องใหม่ของ Cloud Pocket “แผ่นออมเงิน” ก็ช่วยให้คุณเดินบัญชี Statements ง่ายขึ้นเช่นกัน ผ่านการออมเงินสม่ำเสมอทุกวัน จากการวางแผนของน้องเมคผู้ช่วยออมเงินสุดอัจฉริยะ ซึ่งคุณสามารถทำความรู้จักกับน้องเมคได้ผ่านการตั้งชื่อ Cloud Pocket ว่า “แผ่นออมเงิน” หรือใส่อีโมจิ “” จากนั้นน้องเมคจะปรากฏตัวขึ้น พร้อมคำนวณแผนออมเงินรายวันให้คุณแบบเสร็จสรรพ

2. Expense Summary

ใครอยากตรวจสอบรายการใช้จ่ายย้อนหลัง แต่ไม่สะดวกขอ Statements จากโมบายแบงก์กิ้ง สามารถเข้าไปที่ฟีเจอร์ Expense Summary ของ MAKE by KBank ได้เลย ซึ่งรวบรวมทุกข้อมูลการใช้จ่ายของกระเป๋า Cloud Pocket ที่ดูง่าย สะดวกกว่าข้อมูลการใช้จ่ายจากบัญชีธนาคารย้อนหลัง

รู้จักวิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน อย่าลืมบริหารหนี้ด้วยความระมัดระวัง

หลังจากทราบ 6 วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านแล้ว เมื่อได้สินเชื่อมา ก็ควรบริหารด้วยความไม่ประมาท ชำระบิลรายเดือนให้ตรงเวลา มิเช่นนั้นไม่ใช่เพียงแค่เครดิตทางการเงินจะเสีย
ยังถูกคิดดอกเบี้ยปรับ ทำให้ปิดหนี้ยากขึ้นด้วย

ถ้ากำลังมองหาผู้ช่วยบริหารจัดการหนี้สิน แอปเก็บเงิน MAKE by KBank ก็ถือว่าตอบโจทย์อย่างยิ่งเพราะนอกจากมาพร้อมกับ 2 ฟีเจอร์ใช้งานง่ายอย่าง Expense Summary และ Cloud Pocket แล้วยังมาพร้อมกับฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น แผ่นออมเงิน, Shared Cloud Pocket, Pop Pay และ Money Request

ดังนั้นอย่ารอช้าเข้า Play Store และ App Store ดาวน์โหลด MAKE by KBank ได้เลย ใช้เวลาเปิดบัญชีไม่นาน และเพียงแค่โอนเงินฝากเข้าบัญชี MAKE by KBank ก็ได้รับผลตอบแทนจุกๆ ไปเลยด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.5% ต่อปี!

กลับไปหน้าแรก