

พินัยกรรมเป็นเอกสารสำคัญที่จะช่วยทำให้การจัดการทรัพย์สินเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้เสียชีวิต แต่หากผู้เสียชีวิตไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ การแบ่งมรดกโดยไม่มีพินัยกรรมถูกจัดการตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมวดมรดก โดยทรัพย์สินจะถูกจัดสรรให้กับ “ทายาทโดยธรรม” ซึ่งมีลำดับการรับมรดกที่ชัดเจนตามกฎหมาย
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับการแบ่งมรดกในกรณีที่ไม่มีพินัยกรรม ตั้งแต่ตัวอย่างการพิจารณาสิทธิ ความหมายของทายาท สัดส่วนการแบ่งทรัพย์สิน ไปจนถึงแนวทางการแก้ปัญหากรณีมีข้อพิพาทในครอบครัว
ในทางกฎหมายแล้ว การแบ่งมรดกกรณีที่ไม่มีพินัยกรรม หมายถึง สถานการณ์ที่เจ้ามรดกเสียชีวิตโดยไม่ได้จัดทำเอกสารพินัยกรรมที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อระบุเจตนารมณ์ในการมอบทรัพย์สินให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งไว้ล่วงหน้า
ทรัพย์สินทั้งหมดของผู้เสียชีวิตจะกลายเป็น “กองมรดก” ซึ่งจะถูกจัดการและแบ่งสรรตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยมีหลักการที่ชัดเจนว่าใครคือผู้มีสิทธิได้รับมรดกและมีสัดส่วนเท่าใดและไม่ขึ้นอยู่กับความต้องการของทายาทหรือคนใกล้ชิด
ทรัพย์สินทั้งหมดของผู้เสียชีวิต เช่น บ้าน ที่ดิน รถยนต์ เงินฝากในบัญชี หรือ หุ้น จะถือเป็นมรดกทั้งหมด และจะตกเป็นของทายาทโดยธรรมตามลำดับที่กฎหมายกำหนดทันทีหากไม่มีพินัยกรรม
ในการแบ่งมรดกโดยไม่มีพินัยกรรม ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกแบ่งตามลำดับทายาทโดยธรรม โดยกฎหมายจะพิจารณาจากจำนวนทายาทที่มีชีวิตอยู่และสถานะความสัมพันธ์ทางกฎหมายกับผู้เสียชีวิต
แต่หากผู้เสียชีวิตไม่มีทายาทโดยธรรมเลย ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของแผ่นดินโดยสมบูรณ์
หากเป็นการแบ่งมรดกแบบไม่มีพินัยกรรม ตามกฎหมายแล้ว กองมรดกจะถูกจัดสรรให้แก่ “ทายาทโดยธรรม” หรือก็คือ ทายาทที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยจะแบ่งเป็น 6 ลำดับ ดังนี้
โดยในกรณีของเงินประกันชีวิต หากไม่ได้ระบุผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้ เงินนั้นก็จะถูกจัดสรรตามลำดับทายาทเหมือนกับมรดกอื่น ๆ เช่นเดียวกัน
คู่สมรสที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะถือเป็น “ทายาทโดยธรรม” และมีสิทธิที่จะได้รับมรดกร่วมกับทายาทลำดับที่ 1 - 6 ข้างต้น แต่จะได้รับส่วนแบ่งเท่ากับทายาทผู้สืบสันดาน
โดยคู่สมรสจะได้รับครึ่งหนึ่ง (50%) ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง (50%) จะถูกแบ่งให้แก่บุตรทุกคนเท่า ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นบุตรที่เกิดจากการสมรสก่อนหน้า บุตรที่เกิดจากการสมรสครั้งปัจจุบัน หรือบุตรบุญธรรม
ตัวอย่างการแบ่งมรดกโดยไม่มีพินัยกรรมกรณีคู่สมรส
นาย A มีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้อง 1 คน มีบุตร 2 คน เสียชีวิตโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ก่อน และมีกองมรดกมูลค่า 2 ล้านบาท ตามกฎหมายแล้ว มรดกจะถูกจัดสรรให้กับทายาท ดังนี้
คู่รักที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสจะถือว่าไม่มีสถานะเป็นทายาทโดยธรรม ตามกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถอ้างสิทธิในมรดกของผู้เสียชีวิตได้ แม้ว่าจะอยู่กินกันมานานนับสิบปี หรือช่วยกันหาทรัพย์สินจนเป็นเจ้าของร่วมกันก็ตาม
เมื่อไม่มีพินัยกรรม การแบ่งมรดกมักนำมาซึ่งความขัดแย้งในครอบครัวจากการที่ทายาทแต่ละคนอาจมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการจัดการทรัพย์สิน เมื่อเกิดปัญหานี้ จะมีวิธีจัดการที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ 2 วิธี
หากไม่สามารถตกลงกันได้และเกิดการทะเลาะกันจนเริ่มบานปลาย ทางออกที่ดีที่สุด คือ การยื่นคำร้องต่อเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่ง “ตั้งผู้จัดการมรดก”
โดย “ผู้จัดการมรดก” จะเป็นบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายในการรวบรวมทรัพย์สิน จัดการหนี้สิน และจัดแบ่งมรดกอย่างถูกต้องและเป็นกลาง โดยวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูง และอาจใช้เวลายืดเยื้อหลายปี
คุณสามารถติดต่อหน่วยงานไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หรือปรึกษาทนาย เพื่อช่วยเจรจาหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันได้ โดยเมื่อเทียบกับวิธีแรกแล้ว การไกล่เกลี่ยจะช่วยลดการเกิดคดีความ รักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว และช่วยให้ทุกคนได้รับมรดกอย่างเท่าเทียมได้เช่นกัน
แม้ว่าการไม่มีพินัยกรรมจะทำให้การแบ่งมรดกเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด แต่การเตรียมตัวและวางแผนที่ดีก็สามารถช่วยให้การจัดการทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่นและลดปัญหาในครอบครัวได้เช่นกัน
การเตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน เช่น ใบมรณบัตรของผู้เสียชีวิต สำเนาโฉนดที่ดิน สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารระบุตัวตนของทายาททุกคน จะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่นขึ้น
หากการแบ่งมรดกมีความซับซ้อน เช่น มีทรัพย์สินในต่างประเทศ หรือมีทายาทหลายคนที่มีปัญหาความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง การขอคำปรึกษาจากทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมรดก จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอน และลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
บัญชีเงินฝาก มักเป็นทรัพย์สินที่หลายคนมองข้าม โดยหากไม่มีการมอบอำนาจไว้ล่วงหน้า ผู้มีสิทธิในการรับมรดกสามารถดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเข้าถึงบัญชีได้
สุดท้ายแล้ว การแบ่งมรดกโดยไม่มีพินัยกรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และบ่อยครั้งก็นำมาสู่ความขัดแย้ง การพูดคุยกันในครอบครัวอย่างเปิดใจ และปรึกษาทนายความจะช่วยให้การแบ่งทรัพย์สินเป็นไปอย่างราบรื่น ลดการทะเลาะเบาะแว้ง และทำให้มั่นใจได้ว่าสินทรัพย์ของผู้เสียจะถูกส่งต่ออย่างเป็นธรรม