สแกนเพื่อดาวน์โหลด
MAKE logo
MAKE logo

สำรวจข้อดี-ข้อเสียก่อนตัดสินใจ ซื้อบ้านหรือรถก่อนดี?

# อายุ 30+ ต้องรู้!

Buy a house or a car first.png ซื้อบ้านหรือรถก่อนดี เป็นคำถามที่หลายคนต้องคิดหนัก เพราะทั้งสองตัวเลือกต่างก็มีข้อดีที่น่าสนใจ และมีความคุ้มค่าที่ไม่เหมือนกัน โดย!

  • ทีมซื้อบ้านก่อนหลายคนจะมองว่า การมีบ้านเป็นการสร้างความมั่นคง แม้ต้องผ่อนนานแต่ก็ได้ที่อยู่อาศัยที่เป็นของเรา และยังเป็นการลงทุนที่มีโอกาสเติบโต
  • ส่วนทีมซื้อรถก่อนหลายคนจะให้เหตุผลว่า การมีรถเป็นอะไรที่เพิ่มความสะดวกสบายให้ชีวิตได้เยอะมาก แม้ซื้อแล้วราคาจะตกเร็ว แต่ก็ให้ความคล่องตัวและลดเวลาเดินทางได้เยอะ

ในบทความนี้ เราจะลองมาสำรวจตัวเองด้านเหตุผล สถานการณ์ และข้อดี-ข้อเสียของทั้งสองทางเลือก ก่อนตัดสินใจว่า บ้านหรือรถซื้อควรอะไรก่อนดี

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย ซื้อบ้านหรือรถก่อนดี?

จริง ๆ แล้วจะซื้อบ้านหรือรถก่อนนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความต้องการของแต่ละคน เรามาเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการซื้อบ้านก่อน vs ซื้อรถก่อน

ซื้อรถก่อน: สำหรับคนที่ต้องเดินทาง

ข้อดี:

  • เดินทางสะดวก: ใช้ชีวิตได้คล่องตัวมากขึ้น มีอิสระ แถมประหยัดเวลา
  • เงินดาวน์น้อย มีโอกาสกู้ผ่านง่าย : การซื้อรถมีขั้นตอนง่ายกว่าการซื้อบ้านเนื่องจากใช้เงินน้อยกว่า
  • ระยะผ่อนสั้นกว่า: โดยทั่วไป ระยะเวลาผ่อนรถจะอยู่ที่ 1-7 ปี ซึ่งสั้นกว่าการผ่อนบ้านที่ใช้เวลา 10 ปีขึ้นไป
  • สะดวกมากขึ้น: โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ขนส่งไม่สะดวก เหมาะกับคนที่บ้านอยู่ไกลหรือทำงานไกล

ข้อเสีย:

  • มูลค่าลดลง: รถยนต์มีมูลค่าลดลงตั้งแต่ที่ซื้อ จึงไม่เหมาะเป็นตัวเลือกในการลงทุน
  • มีค่าใช้จ่ายแฝงต่อเนื่อง: เช่น ค่าน้ำมัน ค่าประกัน และค่าตรวจเช็กสภาพรถ

ซื้อบ้านก่อน: สำหรับคนที่อยากได้ที่อยู่ที่มั่นคง

ข้อดี:

  • เป็นการลงทุนที่มีโอกาสเติบโต: บ้านมักมีมูลค่าสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีกำลังพัฒนา และยังสามารถปล่อยเช่าได้ในอนาคต
  • สร้างความมั่นคงให้ชีวิต: หมดกังวลเรื่องการย้ายไปมา และยังเป็นรากฐานที่ดีสำหรับการสร้างครอบครัว
  • ลดภาระค่าเช่า: ช่วยลดค่าเช่าที่ต้องจ่ายทุกเดือน และไม่ต้องกลัวเรื่องค่าเช่าแพงขึ้น

ข้อเสีย:

  • ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูง ผ่อนระยะยาว: การซื้อบ้านมีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสูง กู้ได้ยากกว่า และระยะการผ่อนที่อาจยาวนาน 10-30 ปี
  • สภาพคล่องต่ำ: บ้านขายต่อได้ยากและต้องใช้เวลาในการหาผู้ซื้อที่พร้อม
  • ส่งผลระยะยาว: นอกจากค่าใช้จ่ายแล้ว ยังมีเรื่องของคุณภาพชีวิต เช่น หากเลือกทำเลในพื้นที่ที่ขาดการพัฒนาก็อาจเกิดปัญหาเรื่องการเดินทาง สภาพแวดล้อม และความปลอดภัย
  • ่าใช้จ่ายแฝงที่ตามมา: เช่น ค่าซ่อมบ้าน หรือค่าบำรุงรักษาที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น

Buy a house or a car first_01.png

4 ข้อสำรวจตัวเอง บ้านกับรถควรซื้ออะไรก่อน?

จะซื้อบ้านหรือรถก่อนดีอยู่ที่ว่า ต้องการและสถานการณ์ของเราเป็นแบบไหน มาลองสำรวจตัวเองใน 4 แง่มุมด้านล่างนี้ เพื่อการตัดสินใจที่เหมาะสมกับเราที่สุดกัน

  1. ความจำเป็น

ซื้อบ้านก่อน:

หากคุณกำลังอยู่ในช่วงชีวิตที่ต้องการสร้างความมั่นคง เช่น กำลังจะแต่งงานและเริ่มสร้างครอบครัว และไม่มีแผนในการย้ายถิ่นฐาน

การซื้อบ้านก่อนซื้อรถก็ถือตัวเลือกที่ดี เพราะบ้านจะเป็นที่อยู่อาศัยถาวร เป็นสัญลักษณ์ของการตั้งหลักในชีวิต และยังทำให้เรามีพื้นที่อิสระเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ บ้านยังสามารถใช้เป็นแหล่งลงทุนหรือปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้ในอนาคตอีกด้วย

ซื้อรถก่อน:

หากการเดินทางเป็นปัจจัยหลักในชีวิตของคุณ เช่น ที่อยู่ปัจจุบันไม่มีระบบขนส่งสาธารณะเข้าถึง ต้องเดินทางไกลบ่อย หรือต้องขึ้นรถหลายต่อเพื่อไปทำงาน การซื้อรถยนต์ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะรถยนต์ช่วยให้การเดินทางสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการรอขนส่งสาธารณะ

  1. ความมั่นคงทางรายได้

รายได้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการตัดสินใจว่าจะซื้อบ้านหรือรถก่อนดี โดยการซื้อบ้านจะมีระยะเวลาผ่อนที่นานเฉลี่ย 20–30 ปี ในขณะที่การผ่อนรถใช้เวลาประมาณ 7-10 ปี ฉะนั้น หากคุณเป็นที่มีรายได้มั่นคงและมีกำลังผ่อนในระยะยาว การซื้อบ้านก็ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากมีรายได้ไม่แน่นอน การซื้อรถก่อนก็จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

  1. ภาระหนี้สินอื่น ๆ

ลองพิจารณาภาระหนี้ที่มีอยู่ตอนนี้ รวมถึงภาระที่อาจเกิดขึ้นในอีก 5–10 ปีข้างหน้า ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหรือซื้อรถก่อน โดยถ้าคุณมีหนี้อยู่แล้วและยังไม่พร้อมรับภาระเพิ่ม ก็อาจจะต้องชะลอแผนการซื้อบ้านไว้ก่อน

  1. ความคาดหวังตามช่วงอายุ

เป็นเรื่องปกติคนที่อายุเข้าใกล้เลข 3 หรือ 30+ จะได้รู้สึกถึงความกดดันที่ว่า เราควรมีบ้านเป็นของตัวเองได้แล้ว เนื่องจากคนส่วนใหญ่มองว่า บ้าน คือ หนึ่งในเป้าหมายสำคัญในชีวิต ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว ตัวเลือกของการซื้อบ้านหรือรถก่อนขึ้นอยู่กับตัวบุคคลล้วน ๆ เลย เพราะถึงแม้ การมีบ้านจะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความมั่นคง แต่การมีรถก็อาจสร้างความคล่องตัวที่ช่วยในเรื่องงาน ช่วยสร้างรายได้ หรือช่วยให้ดูแลครอบครัวได้ดีขึ้นได้เช่นกัน

ฉะนั้น ลองประเมินดูว่า เป้าหมายชีวิตของคุณในช่วง 5–10 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร แล้วเลือกตัวเลือกตอบโจทย์กับคุณที่สุด โดยไม่ต้องสนใจความคิดเห็นของคนอื่น

ซื้อบ้านหรือรถไม่ใช่เรื่องเล็ก! เช็กความพร้อมก่อนตัดสินใจ

ก่อนตัดใจว่าควรซื้อบ้านหรือซื้อรถก่อนดี เราควรสำรวจความพร้อมในการจ่ายทั้งในตอนต้นและตอนที่ซื้อแล้ว โดยควรวางแผนจัดงานเงินเป็น 2 ส่วน ดังนี้

ส่วนที่ 1: เงินดาวน์และดอกเบี้ย

เมื่อเทียบกันระหว่างการซื้อบ้านและการซื้อรถ ความแตกต่างที่ชัดเจน คือ “เงินก้อนที่ต้องจ่ายเบื้องต้น” โดยการซื้อบ้านต้องใช้เงินดาวน์มากกว่า (10-20% ของราคาบ้าน) ในขณะที่การซื้อรถใช้เงินดาวน์ต่ำกว่า (ประมาณ 10%)

นอกจากนี้ **“ดอกเบี้ย”**ของการผ่อนบ้านและรถก็ต่างกัน

  • สินเชื่อบ้าน มีดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.5%–6% ต่อปี (ข้อมูลอ้างอิงในปี 2025)
  • สินเชื่อรถยนต์ มีดอกเบี้ยเฉลี่ย 5%–8% ต่อปี สำหรับรถใหม่ และสูงถึง 10%+ สำหรับรถมือสอง

ซึ่งไม่ว่าจะตัดสินใจซื้อบ้านหรือซื้อรถก่อน เงินผ่อนในแต่ละเดือนก็ไม่ควรเกิน 30 - 40% ของรายได้ เช่น หากมีรายได้สุทธิเดือนละ 30,000 บาท เงินผ่อนควรจะไม่เกิน 9,000 - 12,000 บาท ต่อเดือน เพื่อไม่ให้กระทบเงินส่วนอื่น

ส่วนที่ 2: เงินเพื่อค่าใช้จ่ายแฝง

นอกเหนือจากเงินผ่อนในแต่ละเดือน การซื้อบ้านหรือรถยังมี ค่าใช้จ่ายแฝง ที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือ เช่น

  • บ้าน: ค่าซ่อมบำรุง (เช่น หลังคารั่ว ท่อน้ำเสีย), ค่าส่วนกลาง และ ค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
  • รถยนต์: ค่าประกัน, ค่าบำรุงรักษา (เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ยาง เบรก), ค่าภาษีรถยนต์รายปี และค่าจอดรถ

โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจไม่เกิดพร้อมกัน แต่เมื่อรวมกันแล้ว ก็มีผลต่อสภาพคล่องทางการเงินไม่น้อย

วางแผนการเงินยังไงให้ตอบโจทย์ ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหรือรถ

ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหรือรถ อย่าลืมการวางแผนการเงินเอาไว้เพื่อให้มั่นใจว่าเราสามารถรับภาระหนี้ได้ในระยะยาวโดยไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน

  1. ประเมินความสามารถในการผ่อน

เริ่มต้นด้วยการคำนวณรายรับ-รายจ่ายที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อกำหนดงบประมาณที่เหมาะสมในการผ่อนชำระบ้านหรือรถ และอย่าลืมเผื่อเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าน้ำไฟ ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน

  1. ประเมินภาระหนี้สินของตัวเอง

ตรวจสอบหนี้สินที่มีอยู่ในปัจจุบัน และลองประเมินว่า หากต้องผ่อนรถหรือบ้านเพิ่มจะรวมเป็นเดือนละเท่าไร โดยภาระหนี้สินทั้งหมดไม่ควรเกิน 30 - 40% ของรายได้ต่อเดือน

  1. พิจารณาความมั่นคงของอาชีพ

ความมั่นคงทางการเงินขึ้นอยู่กับรายได้ประจำ ไม่ว่าจะซื้อบ้านหรือรถก็ควรมีราายได้ที่ต่อเนื่องและมั่นคงพอที่จะรับภาระการผ่อนชำระในระยะ 10 ปีได้

  1. วางแผนเป้าหมายในอนาคต

การซื้อบ้านหรือรถอาจส่งผลต่อแผนการในอนาคต เช่น การแต่งงาน การมีลูก หรือการเกษียณ ควรพิจารณาว่าการตัดสินใจในวันนี้จะส่งผลต่อแผนอื่น ๆ ในอนาคตหรือไม่

  1. เตรียมเงินดาวน์และจัดการเครดิต

การมีเครดิตที่ดีจะช่วยสามารถขอสินเชื่อในการซื้อบ้านและรถได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นควรตรวจสอบเครดิตการเงินของตัวเอง และวางแผนเก็บออมเงินดาวน์ล่วงหน้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติสินเชื่อ

Buy a house or a car first_02.png

MAKE by KBank: ตัวช่วยจัดการเงินวางแผนซื้อบ้าน/ซื้อรถ

คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อบ้านหรือรถก่อนดี ลองมาวางแผนบนแอป MAKE By Kbank ได้เลย โดยบนแอปนี้ เราสามารถสร้าง Cloud Pocket เพื่อแยกกระเป๋าย่อย ๆ ให้กับค่าใช้จ่ายแต่ละเรื่องได้

  • สร้าง Cloud Pocket แยกเก็บเงินสำหรับดาวน์บ้านหรือดาวน์รถ
  • สามารถตั้งชื่อและเปลี่ยนรูปได้ตามต้องการ เช่น ตั้งชื่อ Pocket ว่า “บ้านหลังแรก” และใส่รูปบ้านที่ตัวเองอยากได้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการออมเงิน
  • ซ้อมผ่อนบ้าน/รถ ด้วยการลองโอนเงินเท่าจำนวนเงินผ่อนไปเก็บใน Cloud Pocket ทุกเดือน เพื่อประเมินว่า เรามีความสามารถในการผ่อนบ้าน/รถมากน้อยแค่ไหน
  • เก็บเงินสำหรับค่าใช้จ่ายแฝงหลังซื้อบ้าน/รถ เช่น ค่าประกันรถ ค่าซ่อมบำรุงบ้าน ด้วย Cloud Pocket

ให้ MAKE by Kbank ช่วยคุณวางแผนการออมและจัดระเบียบค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะซื้อรถหรือบ้านก่อนก็ไม่มีกังวล

Banner SEO.png

กลับไปหน้าแรก

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ