

ปัญหาของมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา คือไม่แน่ใจว่า รายได้เท่าไหร่ไม่ต้องยื่นภาษี ซึ่งถ้าตอบแบบง่าย ๆเลยก็คือ หากรายได้ไม่ถึง 120,000 บาทต่อปี ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษี แต่ก็คงมีหลาย ๆ คนที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องยื่นภาษีไหม ใช้เอกสารอะไรบ้าง หรือกังวลว่าอาจจ่ายภาษีมากกว่าที่ควร แต่เราขอบอกเลยว่า การยื่นภาษีไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด และการรู้เกณฑ์รายได้ที่ต้องหรือไม่ต้องเสียภาษี ช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้ดีขึ้นด้วย
การรู้ว่ารายได้ของเราเข้าเกณฑ์ต้องยื่นภาษีแล้วหรือยัง ถือเป็นสิ่งที่คนมีรายได้ทุกคนจำเป็นต้องรู้ เพราะการยื่นภาษีถือเป็นหน้าที่ทางกฎหมาย และการเข้าใจเงื่อนไขการเสียภาษีหรือยื่นภาษีก็ช่วยให้เราสามารถวางแผนการจัดการเงินได้ดีด้วย
การยื่นภาษีคือการแสดงรายได้ต่อกรมสรรพากร ไม่ว่าจะมีรายได้มากหรือน้อย แต่ถ้ามีรายได้ถึงเกณฑ์แต่ไม่ยื่น อาจถูกปรับหรือเสียสิทธิ์การขอคืนภาษีในอนาคต การยื่นภาษีจึงไม่ใช่เรื่องเลือกทำ แต่เป็นหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้ที่มีรายได้รวมไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี (150,000 บาทต่อปี) ยังจำเป็นต้องยื่นภาษี หากมีรายได้รวมเกิน 120,000 บาทต่อปี (สำหรับผู้ไม่มีคู่สมรส) หรือ เกิน 220,000 บาทต่อปี (สำหรับผู้มีคู่สมรส)
แม้จะไม่ต้องชำระภาษี แต่การยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 เป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อแสดงรายได้ที่เกิดขึ้นในปีภาษีนั้น ๆ และยังเป็นการช่วยรักษาสิทธิ์ เช่น การขอคืนภาษีในอนาคต ลดความเสี่ยงการถูกปรับ และสร้างประวัติการเงินที่ดี
การรู้เกณฑ์รายได้ตั้งแต่ต้นช่วยให้คุณวางแผนการยื่นภาษีได้ถูกต้อง และเตรียมเอกสารลดหย่อนต่าง ๆ ครบถ้วน เช่น ประกันชีวิต กองทุน SSF/RMF หรือดอกเบี้ยบ้าน สำหรับผู้มีรายได้ต่ำ การยื่นภาษียังช่วยให้สามารถขอคืนภาษีจากภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย เช่น ฟรีแลนซ์ที่ถูกหัก 3% ช่วยให้การเงินมีระเบียบและไม่เสียสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว
ในประเทศไทย การยื่นภาษีขึ้นอยู่กับ ประเภทของงานและสถานะครอบครัว ซึ่งแต่ละกลุ่มมีเกณฑ์รายได้ที่แตกต่างกัน เพื่อให้เข้าใจง่าย สามารถแบ่งได้ดังนี้
ผู้ที่ทำงานประจำหรือมีรายได้จากงานอิสระ หาก รายได้ไม่ถึง 120,000 บาทต่อปี ตามกฎหมายถือว่า ไม่จำเป็นต้องยื่นภาษี ตัวอย่างเช่น พนักงานบริษัทที่ได้รับเงินเดือนรวมทั้งปี 100,000 บาท จะไม่ต้องยื่นภาษี แต่หากรายได้เกิน 120,000 บาท ต้องยื่นภาษีตามขั้นอัตราภาษี
สำหรับผู้มีคู่สมรส ต้องรวมรายได้ของทั้งสองฝ่าย หากรายได้รวมไม่เกิน 220,000 บาทต่อปี จะไม่ต้องยื่นภาษี แต่ถ้ารายได้รวมเกิน สามารถให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ยื่นภาษีได้ ตัวอย่างเช่น คู่สามีภรรยาที่มีรายได้รวม 210,000 บาทต่อปี ไม่ต้องยื่น แต่หากรวมแล้ว 250,000 บาท ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยื่น
สำหรับฟรีแลนซ์หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ เกณฑ์เริ่มยื่นภาษีที่ 60,000 บาทต่อปี หมายความว่า หากรายได้จากงานฟรีแลนซ์เกิน 60,000 บาทต่อปี ต้องยื่นแบบ ภงด.90 เพื่อแสดงรายได้และคำนวณภาษีตามอัตราที่กำหนด
นักศึกษาหรือพนักงานพาร์ทไทม์ที่ ไม่มีรายได้ประจำ หรือมีรายได้น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ไม่จำเป็นต้องยื่นภาษี อย่างไรก็ตาม หากนายจ้างหักภาษี ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) ไปแล้ว การยื่นแบบฟอร์มเพื่อ ขอคืนภาษี จะช่วยให้ได้เงินคืน
การยื่นภาษีเป็นหน้าที่ตามกฎหมายสำหรับผู้ที่มีรายได้ แม้รายได้จะยังไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีจริงก็ตาม และแต่การยื่นภาษียังช่วยรักษาสิทธิประโยชน์ของตนได้ เช่น
แต่ถึงแม้รายได้ของคุณจะถึงเกณฑ์ต้องยื่นภาษีหรือมีภาระต้องชำระภาษีแล้ว แต่ก็ยังมีสิทธิ์ ลดหย่อนภาษี ที่อาจทำให้ไม่ต้องจ่ายภาษี หรืออาจได้เงินคืนจากกรมสรรพากรได้
ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัวเป็นสิทธิพื้นฐานที่ผู้เสียภาษีทุกคนได้รับ
นอกจากค่าลดหย่อนพื้นฐานแล้ว ยังสามารถลดหย่อนภาษีจาก การออมและการลงทุน ได้ เช่น
รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ผู้เสียภาษีสามารถ ลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้าและบริการ ได้
Easy e-Receipt: ลดหย่อนได้สูงสุด 50,000 บาท สำหรับสินค้าหรือบริการที่มีใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์
ค่าลดหย่อนเที่ยวเมืองรอง: ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท สำหรับจังหวัดรอง 55 จังหวัด (1 พ.ค.–30 พ.ย. 2567)
ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย: ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท
ค่าสร้างบ้านใหม่ 2567–2568: ลดหย่อนได้ 10,000 บาท ต่อค่าก่อสร้างทุกล้านบาท สูงสุด 100,000 บาท
สรุปสั้น ๆ คือ การยื่นภาษี ไม่เท่ากับต้องจ่ายภาษีเสมอไป หากรู้จักใช้ สิทธิ์ลดหย่อนภาษีส่วนตัว ครอบครัว การออม การลงทุน เงินบริจาค และมาตรการรัฐ คุณอาจไม่ต้องจ่ายภาษีเลย หรืออาจได้เงินคืนจากภาษีที่หัก ณ ที่จ่าย
*ข้อมูลสิทธิ์ลดหย่อน อ้างอิงจากมาตรการและข้อกำหนดของกรมสรรพากรในปีภาษี 2567 อาจมีการเปลี่ยนแปลง

ให้ขอหนังสือรับรองเงินเดือดจากนายจ้าง เอกสารนี้จะแสดงรายได้ทั้งปี รวมถึงภาษีที่หักไว้ ณ ที่จ่าย หากคุณรับรายได้จากหลายแห่ง ให้รวบรวมหนังสือรับรองจากทุกแห่ง สำหรับคนทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์ ให้เอกสารรายได้จากผู้จ่ายแต่ละคน รวมทั้งใบเสร็จ ใบกำกับภาษี ที่จะช่วยให้คุณระบุรายได้ได้อย่างชัดเจน
นำรายได้สุทธิของคุณมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์เสียภาษี ตามเกณฑ์อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (อ้างอิงจากปีภาษี 2567)
1. รายได้สุทธิ 0 – 150,000 บาท
2. รายได้สุทธิ 150,001 – 300,000 บาท
3. รายได้สุทธิ 300,001 – 500,000 บาท
4. รายได้สุทธิ 500,001 – 750,000 บาท
5. รายได้สุทธิ 750,001 – 1,000,000 บาท
6. รายได้สุทธิ 1,000,001 – 2,000,000 บาท
7. รายได้สุทธิ 2,000,001- 5,000,000 บาท
ฟีเจอร์ Cloud Pocket จาก MAKE by KBank แยกเงินตามประเภท เช่น “รายได้ประจำ”, “รายได้พิเศษ”, “เงินรับมัดจำ” จะช่วยให้เห็นภาพรวมว่ารายได้แต่ละเดือนเท่าไหร่ พร้อมดูสรุปยอดการใช้จ่ายของแต่ละกระเป๋า ช่วยให้ประเมินได้ง่ายขึ้นว่าต้องยื่นภาษีหรือไม่
การรู้ว่า รายได้เท่าไหร่ไม่ต้องยื่นภาษี ช่วยให้คุณวางแผนภาษีและการเงินได้ถูกต้อง แต่ถึงแม้รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ก็ยังควรยื่นเพื่อรักษาสิทธิ์และสร้างประวัติการเงินที่ดี และแนะนำให้ใช้เครื่องมืออย่าง Cloud Pocket เพื่อแยกรายได้และแยกค่าใช้จ่ายในการลดหย่อนได้อย่างครบถ้วน