สแกนเพื่อดาวน์โหลด
MAKE logo
MAKE logo

อยากส่งลูกเรียนต่างประเทศ ต้องวางแผนอย่างไร?

Sending a child to study abroad.png การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศเป็นความฝันของพ่อแม่หลายคน เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมใหม่ ๆ ยังเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างอนาคตที่กว้างไกล แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับคำถามและการตัดสินใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย ความปลอดภัย ระบบการศึกษา ไปจนถึงการปรับตัวของลูกในสภาพแวดล้อมใหม่ มาดูกันว่ามีเรื่องไหนบ้างควรรู้ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้การวางแผนส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศเป็นไปอย่างมั่นใจและคุ้มค่าที่สุด

เหตุผลที่หลายครอบครัวถึงอยากส่งลูกเรียนต่างประเทศ?

เหตุผลที่หลายครอบครัวเลือกส่งลูกเรียนต่างประเทศ ไม่ได้มีแค่เรื่องชื่อเสียงของสถาบัน แต่ยังรวมถึงโอกาสและคุณค่าที่ลูกจะได้รับ ทั้งด้านการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะชีวิต และการสร้างเครือข่ายใหม่ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของลูกที่คุ้มค่ากว่าแค่การได้ใบปริญญาหรือใบรับรองการศึกษากลับมา

โอกาสด้านภาษาและการศึกษา

การเรียนในต่างประเทศคือการพาลูกไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องใช้ภาษาต่างประเทศตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในห้อง การทำรายงาน หรือแม้กระทั่งการซื้อของในร้านสะดวกซื้อ ทำให้ลูกได้ฝึกภาษาแบบใช้จริงและพัฒนาได้เร็วกว่าเรียนในไทย นอกจากนี้ หลายประเทศยังมีระบบการศึกษาที่เปิดกว้าง ให้เลือกเรียนวิชาและสาขาที่ตรงกับความถนัดจริงๆ และเน้นการคิด วิเคราะห์ และการนำไปใช้มากกว่าการท่องจำ ทำให้ลูกได้เรียนรู้วิธีคิดที่ลึกกว่าและมีโอกาสต่อยอดสายอาชีพที่สนใจ

เรียนรู้ชีวิตจริงผ่านการใช้ชีวิตต่างแดน

การไปเรียนต่างประเทศยังเป็นโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้ “ชีวิตจริง” ที่มากกว่าตำรา เพราะพวกเขาต้องรับผิดชอบชีวิตประจำวันด้วยตัวเอง เช่น จัดการค่าใช้จ่าย ทำอาหาร ซักผ้า และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ลูกมีความมั่นใจ รู้จักการแก้ปัญหา และปรับตัวได้เก่งขึ้น นอกจากนี้ การได้เจอเพื่อนใหม่จากหลายเชื้อชาติยังเปิดโอกาสในการสร้าง connection ที่มีคุณค่าในอนาคต ทั้งในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิต

สร้างความมั่นใจและความกล้าเผชิญโลกกว้าง

อีกสิ่งที่ครอบครัวจะได้จากการส่งลูกเรียนต่างประเทศคือการเห็นลูกก้าวออกจาก “comfort zone” การใช้ชีวิตต่างแดนทำให้ลูกต้องลองผิดลองถูก ต้องตัดสินใจเอง และกล้ารับผิดชอบต่อการเลือกของตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้จะกลายเป็นรากฐานที่สำคัญของการเติบโตในอนาคต

จะส่งลูกเรียนต่างประเทศ ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

Sending a child to study abroad_2.png

การ ส่งลูกเรียนต่างประเทศ ไม่ได้มีแค่ค่าเทอมหรือค่าตั๋วเครื่องบินเท่านั้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยและค่าใช้จ่ายแฝงที่หลายครอบครัวอาจคาดไม่ถึง หากไม่วางแผนการเงินให้ดี อาจทำให้เกิดปัญหากลางทางได้ ดังนั้นพ่อแม่ควรทำการบ้านล่วงหน้าให้ละเอียด โดยสามารถแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 2 ช่วงใหญ่ๆ คือ

ค่าใช้จ่ายช่วงเตรียมตัวก่อนบินไปเรียนต่างประเทศ

ค่าใช้จ่ายในช่วงนี้มักจะเกิดขึ้น “ก่อนออกเดินทาง” และหลายครั้งรวมกันแล้วเป็นเงินก้อนใหญ่ที่หลายครอบครัวมักไม่ทันเตรียมไว้

ค่าใช้จ่ายหลัก

  • ค่าเรียนภาษา: เพื่อเตรียมความพร้อม อาจต้องเรียนเสริมเพิ่มเติม เช่น IELTS, TOEFL หรือคอร์สภาษาเฉพาะ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 20,000 – 100,000 บาท
  • ค่าที่พักช่วงแรก: ส่วนใหญ่ต้องจ่ายล่วงหน้า เช่น หอพักมหาวิทยาลัยหรืออพาร์ตเมนต์ เฉลี่ย 15,000 – 50,000 บาท/เดือน
  • ค่าตั๋วเครื่องบิน: ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและประเทศปลายทาง เฉลี่ย 25,000 – 80,000 บาท
  • ค่าวีซ่านักเรียน: ค่าใช้จ่ายแตกต่างตามประเทศ ประมาณ 5,000 – 20,000 บาท

ค่าใช้จ่ายแฝง

  • ค่าตรวจสุขภาพ + ใบรับรองแพทย์: บางประเทศกำหนดชัดเจน เช่น ออสเตรเลีย หรือแคนาดา อยู่ที่ 5,000 – 15,000 บาท
  • ค่าถ่ายและแปลเอกสารสำคัญ: เช่น Transcript, ใบเกิด, ทะเบียนบ้าน รวมประมาณ 3,000 – 10,000 บาท
  • ค่าสอบวัดระดับภาษา: เช่น IELTS, TOEFL, TOEIC อยู่ที่ 1,800 – 9,000 บาท/ครั้ง บางครอบครัวเลือกจ่ายค่าเรียนภาษาและสอบหลายรอบเพราะคะแนนไม่ถึง ทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย ควรเตรียมลูกให้พร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ

ค่าใช้จ่ายระหว่างที่ลูกเรียนต่างประเทศ

เมื่อเดินทางไปแล้ว ค่าใช้จ่ายหลักจะกลายเป็น “รายเดือน” และ “รายปี” ซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่เช่นกัน

ค่าใช้จ่ายหลัก

  • ค่าเทอม: แตกต่างกันตามประเทศและสถาบัน ยกตัวอย่างเช่น อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา เฉลี่ย 500,000 – 1,500,000 บาท/ปี
  • ค่าที่พัก: ถ้าอยู่หอในมักถูกกว่าเช่าอพาร์ตเมนต์ เฉลี่ย 15,000 – 60,000 บาท/เดือน
  • ค่าครองชีพรายเดือน: เช่น อาหาร การเดินทาง ค่าของใช้จิปาถะ เฉลี่ย 20,000 – 40,000 บาท/เดือน

ค่าใช้จ่ายแฝงระหว่างเรียน

  • ค่าประกันสุขภาพ: กฎหมายของหลายประเทศบังคับซื้อ เช่น ออสเตรเลีย (OSHC) อยู่ที่ 30,000 – 80,000 บาท/ปี
  • ค่าอุปกรณ์การเรียนและหนังสือ: เฉลี่ย 20,000 – 50,000 บาท/ปี และอาจเพิ่มขึ้นหากเรียนในสาขาวิชาเฉพาะ เช่น สายวิทย์, สายการแสดง เป็นต้น
  • กิจกรรมเสริม/ชมรม/ทริปการศึกษา: แม้จะไม่จำเป็นแต่ช่วยเสริมประสบการณ์มากขึ้นได้ เช่น ทริปภาคสนาม, กิจกรรมชมรม เฉลี่ย 10,000 – 30,000 บาท/ปี
  • ค่าเดินทางกลับไทย: บางครอบครัวเลือกให้ลูกเดินทางกลับอาจจะปีละครั้งหรือสองครั้ง ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ควรบวกเพิ่มเข้าไปด้วย

ส่งลูกเรียนต่อเตรียมตัวยังไง อะไรบ้างที่พ่อแม่ทั้งหลายควรรู้

การเตรียมตัวส่งลูกเรียนต่างประเทศไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะไม่ใช่แค่ “การมีเงินก้อน” เท่านั้น แต่ต้องวางแผนรอบด้าน ทั้งเรื่อง ทักษะ ความพร้อมด้านจิตใจ การจัดการเอกสาร การเงิน และการดูแลระยะยาว การเตรียมตัวที่ครบถ้วนจะช่วยให้ลูกใช้ชีวิตต่างแดนได้อย่างราบรื่นและมั่นใจมากขึ้น

ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน! เตรียมตัวยังไงก่อนส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ

  • ภาษา

ลูกควรมี พื้นฐานภาษาที่ใช้ในประเทศปลายทาง ระดับที่สื่อสารได้ทั้งในห้องเรียนและชีวิตประจำวัน

ไม่จำเป็นต้องพูดได้คล่องเหมือนเจ้าของภาษา แต่ต้อง เข้าใจบทเรียน ฟังอาจารย์ และสื่อสารเรื่องจำเป็น ได้ เช่น การขอความช่วยเหลือ การซื้อของ การถามเส้นทาง

  • เอกสาร

ต้องตรวจสอบ เอกสารที่จำเป็น เช่น หนังสือเดินทาง วีซ่านักเรียน ใบตอบรับจากสถาบันการศึกษา ใบแสดงผลการเรียน ใบรับรองแพทย์ ฯลฯ เอกสารบางอย่างใช้เวลาออกนาน (เช่น วีซ่าและใบแปลเอกสารราชการ) ควรดำเนินการล่วงหน้าอย่างน้อย 3–6 เดือน ควรทำ สำเนาและสแกนเก็บไว้ ทั้งหมด เพื่อป้องกันการสูญหายและใช้ส่งทางออนไลน์ได้สะดวก

  • ค่าใช้จ่าย

ต้องคำนวณ ค่าเทอม ค่าที่พัก ค่าครองชีพรายเดือน และค่าใช้จ่ายแฝง และสอนลูกเรื่อง การจัดการเงิน เช่น แบ่งงบเป็นหมวดหมู่ ค่าเรียน ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเที่ยวเล่น เพื่อให้รู้จักใช้เงินอย่างพอดี

  • สกิลเอาตัวรอด

การแก้ไขปัญหาเฉพาหน้าก็สำคัญมาก ควรมีการสอนลูกในทักษะการใช้ชีวิตที่จำเป็น เช่น เรื่องการทำอาหารง่ายๆ, การเดินทาง และการดูแลตัวเองเมื่อเจ็บป่วย เป็นต้น

  • ศึกษาโรงเรียน / มหาวิทยาลัย

การเลือกสถาบันไม่ควรมองแค่ชื่อเสียง แต่ต้องพิจารณา คุณภาพหลักสูตร ค่าใช้จ่าย และเมืองที่อยู่

บางเมืองค่าครองชีพสูงกว่าแม้ค่าเทอมใกล้เคียงกัน เช่น London กับเมืองรองในอังกฤษ การหาข้อมูลรีวิวจากรุ่นพี่ ศิษย์เก่า หรือเอเจนซี่ที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น

  • จัดการเงินฉุกเฉิน

ในหลายครั้ง ก็มักมีเหตุฉุกเฉินที่ต้องมีค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากปกติ ควรมีการจัดการงบไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าเดินทางกลับบ้านด่วน

sending a child to study abroad_3.png

และในยุคนี้ ก็มีตัวช่วยทางการเงินให้การวางแผนง่ายขึ้น อย่าง MAKE by KBank ที่มีฟีเจอร์ Cloud Pocket ตัวช่วยแบ่งเงินในกระเป๋า โดยสามารถสร้าง Could Pocket ตามประเภทค่าใช้จ่าย สามารถตั้งชื่อ ตั้งรูป และตั้งเป้าหมายแต่ละกระเป๋าได้

ผู้ใช้ยังสามารถเลือกประเภทของ Pocket ให้ตรงกับแผนของตัวเอง เช่น เลือก “Cloud Pocket เก็บเงินตามฝัน” ที่ออกแบบมาเพื่อเก็บเงินให้ถึงเป้าภายในระยะเวลาที่กำหนดได้

นอกจากนี้ ทั้งยังมี Cloud Pocket ร่วม ที่แชร์ระหว่างลูกและพ่อแม่ได้ด้วย โดยสมาชิกสามารถดูประวัติการโอนเงินเข้า-ออกได้อย่างสะดวก

อีกหนึ่งฟีเจอร์น่าสนใจคือ To Do List ที่ช่วยเตือนค่าใช้จ่ายๆ ต่าง และเลือกจ่ายผ่านแต่ละ Cloud Pocket ได้เลย รับรองว่าไม่มีลืมจ่าย จัดการเงินได้ง่ายยิ่งขึ้นแน่นอน ที่สำคัญ สามารถฝากเงินเก็บเพื่อใช้ส่งลูกเรียน ในบัญชี MAKE by KBank เพื่อรับดอกเบี้ยสูงสุด 1.5% ต่อปี ได้อีกด้วย

ระหว่างลูกเรียนต่างประเทศ มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง

การส่งลูกไปเรียนไม่ได้จบแค่วันขึ้นเครื่อง แต่พ่อแม่ยังคงต้องติดตาม ดูแล และสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการเงิน สุขภาพ และความเป็นอยู่ เพื่อให้ลูกใช้ชีวิตในต่างแดนได้อย่างราบรื่น

1. ค่าเทอมและค่าการศึกษา

สถาบันการศึกษาหลายแห่งมีการ ปรับค่าเทอมขึ้นทุกปี 3–10% ตามอัตราเงินเฟ้อหรือค่าเงิน นอกจากค่าเทอม ยังมีค่าใช้จ่ายเสริม เช่น ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์เรียน ค่าลงทะเบียนวิชาเสริม และค่ากิจกรรมของมหาวิทยาลัย พ่อแม่ควรเตรียมเงินไว้ล่วงหน้า และตั้งระบบเตือนการชำระ เพื่อลดความเสี่ยงจากการจ่ายล่าช้า

2. ค่าที่พักและค่ากินอยู่

ค่าที่พักอาจเปลี่ยนแปลงเมื่อหมดสัญญา หรือหากลูกต้องย้ายที่อยู่ เช่น จากหอพักมหาวิทยาลัยไปอพาร์ตเมนต์ข้างนอก รวมถึงค่าครองชีพในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร เดินทาง และของใช้ส่วนตัว มักมีการขึ้นลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจหรือค่าเงิน พ่อแม่ควรมีงบประมาณเผื่อส่วนนี้ไว้เสมอ เพื่อไม่ให้ลูกเดือดร้อนเรื่องเงินกลางคัน

3. ค่าใช้จ่ายจิปาถะและกิจกรรมเสริม

แม้ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายหลัก แต่การเข้าร่วมกิจกรรมชมรม ทัศนศึกษา หรือทริปกับเพื่อน เป็นประสบการณ์ที่ช่วยให้ลูกได้เรียนรู้ชีวิตจริงมากขึ้น ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ควรอยู่ในแผนการเงินด้วย เพื่อไม่ให้กระทบกับงบหลักที่เตรียมไว้

4. สุขภาพและเหตุฉุกเฉิน

หลายประเทศบังคับให้นักเรียนต้องมี ประกันสุขภาพนักเรียน ซึ่งบางครั้งยังไม่ครอบคลุมค่ารักษาทั้งหมด หากลูกเจ็บป่วยรุนแรง หรือมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางกลับบ้านด่วน อาจต้องใช้เงินจำนวนมากแบบไม่ทันตั้งตัว การมี กองทุนฉุกเฉิน แยกไว้ชัดเจนจะช่วยให้จัดการสถานการณ์ได้โดยไม่กระทบกับงบหลัก

เตรียมพร้อมให้ครบทุกเรื่องก่อนส่งลูกเรียนต่างประเทศ

การส่งลูกเรียนต่างประเทศเป็นการลงทุนที่มีค่าและต้องการการวางแผนอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมของลูก การวางแผนการเงิน ไปจนถึงการเตรียมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิด ซึ่งสามารถใช้ตัวช่วยดี ๆ อย่างแอป MAKE by KBank ช่วยให้การจัดการเงินเป็นระบบมากขึ้นให้การส่งลูกเรียนต่างประเทศเป็นไปอย่างมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น การวางแผนที่ดีวันนี้ คือการลงทุนในอนาคตที่สดใสของลูกคุณ

Banner SEO.png

กลับไปหน้าแรก

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ