

การทะเลาะกับแฟนเรื่องเงิน เป็นปัญหาที่คู่รักหลายคู่เจอ และในหลายๆ ครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเหมือนการงอนกันทั่วไป เพราะเงินเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและอนาคตของชีวิตคู่ หากไม่หาวิธีจัดการ ปัญหานี้อาจลุกลามและยิ่งปล่อยไว้นานก็อาจจะทำให้ต้องเลิกเพราะเรื่องเงินเลยก็ได้
การทะเลาะกับแฟนเรื่องเงินมักส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในระยะยาว เพราะเงินเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับทุกด้านของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การใช้จ่ายในแต่ละวัน ไปจนถึงการวางแผนอนาคตร่วมกัน
ปัญหาหลักที่ทำให้คู่รักทะเลาะกันเรื่องเงิน มักมาจาก ความไม่เข้าใจในการใช้เงินและความแตกต่างของนิสัยทางการเงิน คนหนึ่งอาจชอบใช้เงินไปวันต่อวัน อีกคนอาจเป็นคนเก็บออม หรือคนหนึ่งอาจมองว่าเงินคือเครื่องมือสร้างความสุข ในขณะที่อีกคนมองว่าเงินคือความมั่นคง
อีกสาเหตุสำคัญคือ การไม่วางแผนเรื่องการเงินร่วมกันตั้งแต่แรก หลายคู่รักเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยความหวานชื่น แต่หลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องเงิน เพราะกลัวว่าจะทำให้ดูไม่โรแมนติกและเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะ จนเมื่อมีปัญหาจริง ๆ จึงไม่รู้จะจัดการอย่างไร
การสำรวจจาก Intuit Credit Karma พบว่าประมาณ 33% ของคนรุ่น Gen Z และ 31% ของคนรุ่นมิลเลนเนียลเคยยุติความสัมพันธ์หรือเลิกกับแฟนเพราะปัญหาเรื่องเงิน
การทะเลาะกันเรื่องเงินส่งผลเสียมากกว่าการง้องอนทั่วไป เพราะเงินมักเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งอื่น ๆ เช่น ความรู้สึกไม่เท่าเทียมกันและการขาดความไว้วางใจ ยกตัวอย่างเช่น
เรื่องเงินกับชีวิตคู่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขในบัญชี แต่เป็นเรื่องของค่านิยม ความรู้สึก และความไว้วางใจที่มีต่อกันด้วย
หนึ่งในสาเหตุหลักของการทะเลาะกันเรื่องเงินจนเลิก คือ การปิดบังเรื่องการเงิน เช่น การก่อหนี้โดยไม่บอก การใช้บัตรเครดิตเกินตัว หรือปิดบังรายได้ที่แท้จริง ปัญหาเหล่านี้อาจดูเล็กในตอนแรก แต่เมื่อความจริงเปิดเผย ความเชื่อใจจะสั่นคลอนทันที ตัวอย่างเช่น บางคู่แต่งงานแล้วฝ่ายหนึ่งมารู้ทีหลังว่าอีกฝ่ายมีหนี้ก้อนใหญ่ที่ไม่เคยบอกมาก่อน นั่นทำให้รู้สึกเหมือนถูกหลอก และมองไม่เห็นอนาคตร่วมกัน
เมื่อเรื่องเงินกลายเป็นสิ่งที่ต้องปกปิด ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความสงสัยและความไม่ไว้วางใจ คนที่ถูกปิดบังอาจเริ่มคิดว่า “ถ้าเรื่องเงินยังไม่บอก แล้วเรื่องอื่นล่ะ?” ความไม่มั่นใจนี้จะลุกลามจากเรื่องการเงินไปสู่การใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเรื่องงาน เรื่องครอบครัว หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างการออกไปใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ความสัมพันธ์ที่เคยมั่นคงจึงเริ่มสั่นคลอน
อีกหนึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยคือการ ขาดระบบจัดการทางการเงิน คู่รักหลายคู่ปล่อยให้การใช้จ่ายเป็นไปตามความเคยชิน โดยไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน เช่น ใครจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ใครดูแลค่าเช่าบ้าน หรือจะเก็บเงินเพื่ออนาคตร่วมกันอย่างไร การไม่มีกรอบนี้ทำให้เกิดความไม่แฟร์ และมักจะกลายเป็นการโต้เถียงซ้ำ ๆ เช่น ฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองจ่ายมากกว่า แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับผิดชอบ เมื่อสะสมไปนาน ๆ ก็ทำให้ต่างฝ่ายต่างเหนื่อยใจและเลือกที่จะจบความสัมพันธ์
การพูดคุยเรื่องเงินกับชีวิตคู่ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่น่ากลัว หรือทำให้ทะเลาะกัน ถ้าเราเริ่มต้นด้วยวิธีที่ถูก การสื่อสารเรื่องเงินสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแรงขึ้นได้
อย่าเริ่มต้นการสนทนาด้วยการตัดสินว่าอีกฝ่ายผิด แต่เปิดใจฟังมุมมองทางการเงินของเขาก่อน ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น? มีประสบการณ์อะไรในอดีตที่ทำให้เขามีทัศนคติเรื่องเงินแบบนี้? การเข้าใจพื้นเพของแต่ละคน จะช่วยให้เราหาทางออกที่เหมาะสมได้
ลองแชร์เป้าหมายทางการเงินระยะสั้นและระยะยาว เช่น เก็บเงินซื้อบ้าน วางแผนท่องเที่ยว หรือปลดหนี้ แล้วช่วยกันจัดลำดับความสำคัญ เมื่อมีเป้าหมายร่วมกัน การใช้เงินของแต่ละคนจะมีทิศทางเดียวกัน และลดโอกาสเกิดความขัดแย้ง
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนมุมมองจาก "เธอใช้เงินฟุ่มเฟือย" หรือ "ฉันเก็บเงินคนเดียว" เป็น "เราจะจัดการเงินร่วมกันอย่างไร" เงินไม่ใช่ปัญหาที่คนใดคนหนึ่งต้องแก้คนเดียว แต่เป็นสิ่งที่เราต้องวางแผนและทำงานด้วยกัน
การจัดการเงินในความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งสำคัญคือ “ความเข้าใจ ความโปร่งใส และระบบที่ทั้งคู่ยอมรับได้” เพราะชีวิตคู่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว การเลือกวิธีจัดการการเงินจึงควรปรับตามนิสัย รายได้ และเป้าหมายของทั้งสองฝ่าย ซึ่งนี่คือเทคนิคที่คู่รักสามารถนำไปใช้ได้จริง
การแบ่งค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องที่ต้องพูดกันตรง ๆ และตกลงร่วมกัน เช่น
และตัวช่วยที่จะทำให้การจัดการเงินร่วมกันสะดวกขึ้นคือ การมี “กระเป๋าเงินส่วนตัว + กระเป๋าเงินร่วมกัน” ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ด้วยแอป MAKE by KBank ที่มีฟีเจอร์ Cloud Pocket ที่ทำให้เราจัดสรรงบแยกสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น “ค่าบ้าน” “เก็บเงินสินสอด” “เก็บเงินไปเที่ยวกับแฟน” ได้ในบัญชีเดียว ไม่ต้องมีหลายแอปให้ยุ่งยาก!
และฟีเจอร์ Cloud Pocket ร่วม (Shared Cloud Pocket) ที่ช่วยให้คู่รักเก็บออมและบริหารเงินร่วมกันได้ง่ายขึ้น โดยมีบันทึกการโอนเข้าและโอนจ่ายทุกรายการ ลดความเสี่ยงของการเข้าใจผิดหรือการทะเลาะเรื่องเงิน อีกทั้ง ทั้งสองฝ่ายยังสามารถเรียกเก็บเงินและขอเบิกเงินจาก Cloud Pocket ได้
ลองเปลี่ยนมุมมองจาก “เงินคือปัญหา” เป็น “เงินคือเครื่องมือ” เช่น วางเป้าหมายร่วมกันว่าจะเก็บเงินซื้อบ้านใน 5 ปี มีเงินเก็บสำหรับทริปเที่ยวต่างประเทศ หรือสร้างกองทุนเพื่อเกษียณ แล้วคอยอัปเดตความคืบหน้าทุก 3-6 เดือน วิธีนี้ทำให้คู่รักรู้สึกว่าไม่ได้เดินเดี่ยว ๆ แต่กำลังสร้างอนาคตไปด้วยกัน
ยกตัวอย่างเช่น คู่หนึ่งตั้งเป้าจะปลดหนี้บัตรเครดิตภายในปีเดียว พอทั้งคู่ช่วยกันวางแผน ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และติดตามความคืบหน้าผ่านแอป ก็ทำให้เป้าหมายสำเร็จเร็วขึ้น พร้อมกับทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นด้วย
เงินเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และความโปร่งใสคือกุญแจสำคัญ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีหนี้ หรือรายได้ลดลง การบอกตรง ๆ อาจฟังดูน่ากลัวในตอนแรก แต่ดีกว่าปิดบังแล้วมาแตกหักทีหลัง การพูดตรงไปตรงมาเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ช่วยคิด ช่วยแก้ และหาทางออกร่วมกัน
ตรงกันข้าม หากเลือกที่จะปิดบัง เรื่องเล็ก ๆ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เช่น ซ่อนหนี้ไว้หลายเดือนจนกลายเป็นเงินก้อนโต เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ความเชื่อใจที่หายไปอาจยากจะกู้คืน
การทะเลาะกับแฟนเรื่องเงินเป็นปัญหาที่แก้ได้ หากทั้งสองฝ่ายยินดีเปิดใจพูดคุย สร้างความเข้าใจ และจัดทำระบบการเงินที่เหมาะสม โดยหัวใจสำคัญ คือการมองเงินเป็นเครื่องมือที่จะพาทั้งคู่ไปสู่เป้าหมายร่วมกันอย่างมีความสุข
คู่ไหนที่อยากเริ่มวางแผนการเงินกับแฟนให้เป็นระบบมากขึ้น ลองดูฟีเจอร์ดี ๆ ของ MAKE by KBANK ที่ช่วยให้การวางแผนเรื่องเงินกับแฟนเป็นเรื่องง่าย โปร่งใส และลดโอกาสการทะเลาะกันเรื่องเงิน