

เมื่อผ่อนรถไม่ไหว เราสามารถคืนรถยนต์ให้กับบริษัทไฟแนนซ์ได้ เพื่อรักษาสภาพคล่องและจัดการภาระหนี้ให้เรียบร้อยที่สุด แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงสงสัยเหมือนกันว่า ถ้าผ่อนรถไม่ไหวจริง ๆ การคืนรถจะทำให้เสียเครดิตไหม
ในบทความนี้ เราลองมาดูว่าถ้าผ่อนรถไม่ไหวจะต้องทำอย่างไร ต้องคืนรถแบบไหนให้กระทบต่อเครดิตของเราน้อยที่สุด
สาเหตุของการผ่อนรถยนต์ไม่ไหวเกิดขึ้นจากการซื้อรถเกินกำลัง และการวางแผนทางโดยไม่ได้พิจารณาความเสี่ยง อีกทั้งยังมีปัจจัยอย่างสภาวะเศรษฐกิจที่กดดัน การจ้างงานที่ไม่มั่นคง และปัญหาหนี้ในครัวเรือนที่สูงขึ้น ในปัจจุบัน ปัญหาไม่มีเงินผ่อนรถจะกลายเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยขึ้นในไทย โดยข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย (K-Research) พบว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) หรือ ‘หนี้เสีย’ ในสินเชื่อรถยนต์มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างน่ากังวล
การผ่อนรถไม่ไหวจะทำให้รถถูกยึดโดยไฟแนนซ์ (Repossessed) ซึ่งจะเกิดขึ้นในกรณีที่ผู้เช่าซื้อไม่ได้ชำระค่างวดติดต่อกัน 3 เดือนขึ้นไป หรือตามเงื่อนไขที่บริษัทไฟแนนซ์กำหนด โดยบริษัทไฟแนนซ์จะมีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะเข้ามายึดรถเพื่อนำไปขายทอดตลาด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเครดิตการเงินของผู้เช่าซื้อ
แต่หากผู้เช่าซื้อรู้ว่าจะผ่อนรถต่อไม่ไหว สามารถเลือกคืนรถโดยสมัครใจ (Voluntary Surrender) ได้ ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายและค่าปรับจากการบังคับยึด ตลอดจนช่วยทำให้ผู้เช่าซื้อมีโอกาสเจรจาปิดหนี้ได้ง่ายขึ้นด้วย
การคืนรถไม่เท่ากับการยกเลิกหนี้ทั้งหมด แต่จะเป็นการ “สิ้นสุดสัญญาเช่าซื้อก่อนครบกำหนด” โดยในทางกฎหมายแล้ว หากผู้ผ่อนรถไม่ไหวและตัดสินใจคืนรถ บริษัทไฟแนนซ์จะนำรถยนต์ไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาปิดหนี้รถยนต์ แต่หากราคาขายยังไม่ครอบคลุมหนี้ที่เหลืออยู่ ผู้กู้ก็ยังต้องรับผิดชอบหนี้ส่วนที่เหลืออยู่นั่นเอง
ทั้งการคืนรถยนต์ด้วยตนเองหรือถูกไฟแนนซ์ยึดรถล้วนมีผลต่อเครดิตทางการเงินของผู้กู้โดยตรง เนื่องจากข้อมูลการคืนรถยนต์จะถูกบันทึกไว้ในประวัติเครดิตบูโร ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่สถาบันการเงินใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อและธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ในอนาคต
โดยหากหลังจากขายทอดตลาดแล้วยังมีหนี้ค้างชำระอยู่ และผู้กู้ยังไม่ได้ชำระให้เรียบร้อย ก็จะส่งผลให้สถานะบัญชีของผู้กู้เป็น "หนี้ค้างชำระ" ในเครดิตบูโร แต่ในทางกลับกัน หากการขายรถทอดตลาดเพียงพอที่จะปิดหนี้ทั้งหมดได้โดยไม่มีหนี้ค้างเหลืออยู่ ผู้กู้ก็จะไม่เสียประวัติเครดิต
ด้วยเหตุนี้ หากเริ่มสังเกตเห็นว่าสภาพคล่องทางการเงินในปัจจุบันไม่สามารถรองรับการผ่อนรถยนต์ได้ แนะนำให้เจรจา หรือ ปรึกษาหาทางออกกับไฟแนนซ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะเริ่มค้างชำระค่างวด หรือ รอจนกว่าจะโดนยึดรถ ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงที่เครดิตทางการเงินจะเสียนั่นเอง
จริงอยู่ที่การคืนรถยนต์จะส่งผลต่อเครดิตทางการเงิน แต่หากผู้กู้สามารถจ่ายหนี้ค้างชำระกับไฟแนนซ์หลังคืนรถยนต์ได้ครบ หรือ มีการส่งค่างวดอย่างสม่ำเสมอ ผู้กู้ก็สามารถเจรจากับสถาบันทางการเงินเพื่อรับทราบเงื่อนไขและปรึกษาเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคตได้
อย่างไรก็ดี หากมีประวัติเสียจากการคืนรถ มีหนี้ค้างชำระ หรือปล่อยให้รถยนต์ถูกยึด ก็อาจจะมีผลต่อการทำธุรกรรมทางในอนาคต เช่น การกู้ซื้อบ้าน ทำบัตรเครดิต หรือขอสินเชื่ออื่น ๆ โดยอาจถูกปฏิเสธคำขอทำธุรกรรมทางการเงิน ได้รับวงเงินที่ต่ำกว่าปกติ หรือต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น
หากผ่อนรถไม่ไหวแน่ ๆ และต้องการคืนรถ ขั้นตอนแรก คือ ติดต่อบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อแจ้งความประสงค์ในการคืนรถ อย่ารอจนถูกทวงหนี้ หรือ ค้างชำระ เพราะจะส่งผลต่อเครดิตทางการเงินในอนาคต
สอบถามบริษัทไฟแนนซ์ถึงยอดหนี้คงค้างทั้งหมดและประมาณการราคาขายรถทอดตลาด เพื่อให้สามารถประเมินได้ว่าจะมีหนี้ส่วนต่างเหลืออยู่เท่าไหร่หลังจากการขาย เพื่อจะได้วางแผนการชำระหนี้ที่มีประสิทธิภาพในอนาคต
เมื่อตกลงที่จะคืนรถแล้ว อย่าลืมทำเอกสารลายลักษณ์อักษรที่ระบุถึงการคืนรถโดยสมัครใจ และตรวจสอบยอดหนี้ส่วนต่างที่ต้องชำระหลังจากการขายทอดตลาดอย่างละเอียด
หลังจากที่ดำเนินการทางเอกสารครบถ้วนแล้ว ให้นำรถไปให้ไฟแนนซ์ตรวจสอบสภาพตามที่กำหนดในสัญญาและทำการส่งมอบรถคืนอย่างเป็นทางการ
เมื่อรถถูกนำไปขายทอดตลาดเรียบร้อยแล้ว ให้ติดตามผลกับบริษัทไฟแนนซ์และนำเงินส่วนต่างที่ต้องชำระไปปิดบัญชีให้เรียบร้อย และควรตรวจสอบเครดิตบูโรของตนเองเพื่อยืนยันว่าไม่มีหนี้คงค้างหลงเหลืออยู่จริง เพื่อเป็นการรักษาเครดิตทางการเงินของตัวเองไว้
หากรู้สึกว่าผ่อนรถไม่ไหว แต่ยังไม่สามารถคืนรถได้ ผู้กู้สามารถปรึกษากับบริษัทไฟแนนซ์หรือสถาบันทางการเงินเพื่อขอปรับหนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของผู้กู้ให้มากขึ้นได้ เช่น
แนะนำให้เริ่มจากทบทวนรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนอย่างละเอียด แล้วประเมินว่า ตัวเรายังสามารถผ่อนต่อหรือไม่ ผ่อนต่อได้กี่เดือน
โดยนอกจากปรับแผนการเงินแล้ว อย่าลืมว่าการเจรจากับไฟแนนซ์เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นวิธีที่ช่วยให้เราจัดการภาระได้ดีขึ้น ผ่อนสบายขึ้น และยังรักษาเครดิตทางการเงินไว้ได้ด้วย
แม้ว่าวันนี้จะตกอยู่ในสถานการณ์ผ่อนรถยนต์ไม่ไหว แต่สิ่งสำคัญคือการรู้สถานะการเงินของตัวเอง และเริ่มปรับแผนใหม่ โดยแอป MAKE by KBank สามารถช่วยทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นได้ ด้วยฟีเจอร์ Cloud Pocket ที่แบ่งเงินออกเป็นกระเป๋าย่อย ให้คุณแยกค่าผ่อนรถจากเงินออมและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้สะดวกและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น
วางแผนการเงินและจัดสรรค่าใช้จ่ายอย่างฉลาดตั้งแต่วันนี้ ดาวน์โหลด MAKE by KBank ได้ที่ App Store และ Google Play Store