จุดแข็ง: กันเงินไว้ใช้ตอนฉุกเฉิน จุดอ่อน: ฉุกเฉินทุกวัน ทำไงดี ?

มุกตลกขำ ๆ ยอดฮิตที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นมาทายชีวิตกันเล่น ๆ หน่อยสิว่ามี “จุดแข็ง” และ “จุดอ่อน” อะไรอยู่บ้างนะ ถ้ามองเบื้องต้นมันอาจเป็นเรื่องชวนขำสนุก ๆ แต่ลองเปลี่ยนทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นปัจจัยด้านเงิน ๆ ทอง ๆ ดูบ้างมันอาจเริ่มไม่สนุกอย่างตอนแรกก็ได้นะ หากคุณมีจุดแข็งคือพยายาม “กันเงิน” เอาไว้เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน แต่ดันมีจุดอ่อนสำคัญคือ มันเล่นฉุกเฉินทุกวันแบบนี้จะทำยังไงดี ค่าใช้จ่ายรายเดือนแบบประจำก็หนักหน่วง ไม่ต้องพูดถึง เงินสำรอง เอาแค่วิธีการเก็บเงินในชีวิตตอนนี้ยังลำบาก มาหาคำตอบกัน!

อยากกันเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่มันดันฉุกเฉินทุกวัน ทำไงล่ะทีนี้?

1. วางแผนการเงินให้ชัดเจนในแต่ละเดือน

สิ่งแรกที่ควรทำทันทีหากรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถกันเงินเพื่อเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินได้ เพราะมันมีแต่เรื่องให้จ่ายออกตลอด ต้องเริ่มต้นจากการวางแผนด้านการเงินของตนเอง อาจทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายแบบง่าย ๆ ก็ได้ว่าในเดือนถัดไปจะมีรายรับเข้ามาเท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายรายเดือนหลัก ๆ อะไรบ้าง จากนั้นพอเงินเหลือก็แบ่งสัดส่วนเป็นเงินจิปาถะ เงินเก็บ เงินลงทุนตามเหมาะสม วิธีนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นคุณค่าของตัวเงินที่รับมามากขึ้น หากค่าใช้จ่ายใดไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่ทำเอาไว้ก็จะมีความคิดขึ้นมาในสมอง ช่วยลดภาวะความฉุกเฉินที่ต้องจ่ายออกได้อย่างดีเยี่ยม ทำแบบนี้ทุกเดือนมองเห็นอนาคตอันสดใสเป็นแน่แท้

2. แยกค่าใช้จ่ายออกจากกันในแต่ละเรื่อง

การนำเงินก้อนใหญ่ เช่น เงินเดือนมาจ่ายแบบไม่คิดอะไรเลย มีเรื่องไหนก็จ่ายออกไปจนหมดแบบนี้มันมักทำให้คุณเกิดปัญหาไม่เหลือเงินสำรอง ไร้เงินเก็บใด ๆ ทั้งสิ้น การแยกประเภทค่าใช้จ่ายออกจากกันจะช่วยให้ทุกคนมองเห็นภาพการใช้เงินของตนเองมากขึ้น เสมือนต่อยอดมาจากวิธีวางแผนด้านการเงินนั่นเอง และเมื่อถามว่าจะแยกออกยังไงในเมื่อเงินเดือนมันก็เข้ามาในบัญชีเดียวอยู่แล้ว? คำแนะนำคือลองดาวน์โหลด MAKE by KBank มาใช้งานดู นี่คือแอปพลิเคชันวางแผนการเงินชั้นเยี่ยมที่จะมีฟีเจอร์เด็ดอย่าง Cloud Pocket ให้คุณสามารถแยกกระเป๋าเงินออกได้ตามต้องการแบบไม่จำกัด มีค่าใช้จ่าย 10 อย่างก็แบ่งออกเต็มที่ อยากแยกกระเป๋าเงินเก็บ เงินลงทุนก็ตามสะดวก พอถึงเวลาใช้เงินก็นำเอาเงินส่วนที่แยกไว้เรียบร้อยจ่ายกันตามสะดวก งานนี้นอกจากกันเงินได้เป็นอย่างดี ยังถือเป็นอีกเทคนิคสำหรับวิธีการเก็บเงินที่แยกออกมาชัดเจนมาก ๆ ไม่ต้องยุ่งกับเงินส่วนนั้นเลยยังได้

3. หักห้ามใจตนเอง ลด ละ เลิกการใช้จ่ายสิ่งที่ฟุ่มเฟือยลง

เข้าใจดีว่าคนเรานอกจากค่าใช้จ่ายรายเดือนแล้วก็อยากให้ของขวัญ หรือสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการตอบแทนชีวิตบ้างซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องผิด แต่เมื่อไหร่ที่มันมากเกินไปจนเป็นการใช้จ่ายเงินตัว นำเงินสำรองออกมาใช้เพราะคิดว่าอยากได้ อยากมี อยากทำ นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ดีเป็นแน่แท้ ตัวอย่างง่ายมาก เช่น ซื้อของแบรนด์เนมเปย์ตัวเองทุกเดือนทั้งที่เงินเดือนไม่ได้สูงขนาดซื้อได้บ่อย, ออกไปปาร์ตี้สังสรรค์ทุกสัปดาห์ หรือสัปดาห์ละหลายวัน, ช้อปปิ้งออนไลน์โดยอ้างว่าแค่แก้เครียด แต่รู้ตัวอีกทีของเต็มบ้านไปหมด สิ่งเหล่านี้ต้องเริ่มจากการหักห้ามใจตนเอง พยายามลด ละ เลิกค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยออกไปบ้าง ให้รางวัลชีวิตแบบพอดีก็มีความสุขได้

4. แยกเงินเก็บออกไว้อีกบัญชีธนาคารทุกเดือนไปเลย

หากรู้ว่ามีเรื่องฉุกเฉินให้ใช้บ่อยเหลือเกิน วิธีการเก็บเงินแบบง่าย ๆ ที่หลายคนนิยมมากคือ เปิดอีกบัญชีธนาคารแล้วกันเงินส่วนที่ต้องการเก็บออกไปเลยทุกเดือน อาจให้ตัดเงินอัตโนมัติ หรือนำไปฝากด้วยตนเองก็ตามสะดวก ทว่ามีเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องไม่ทำบัตรเดบิต บัตร ATM หรือบางคนถึงขนาดไม่ดาวน์โหลดแอปใด ๆ เลยด้วยซ้ำ ให้เงินแช่อยู่แบบนั้นไปตลอดจนกว่าจะถึงเวลาใช้งานค่อยถอน จะช่วยลดอาการฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินลงได้อย่างดีทีเดียว

5. ลองเอาเงินไปลงทุนดูบ้างก็ไม่แย่

หากรู้สึกว่าตนเองมีเรื่องให้ใช้เงินแบบไร้สาระเยอะมากเกินไป ลองเปลี่ยนจากสิ่งเหล่านั้นไปเป็นการลงทุนก็จัดว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งประเภทการลงทุนทุกวันนี้มีเยอะมากเลือกเอาตามสะดวกตั้งแต่การสะสมทรัพย์จากพวกประกันไปจนถึงการลงทุนความเสี่ยงต่ำ ความเสี่ยงสูงทั้งหลาย แต่สิ่งที่ต้องย้ำเตือนคือเงินจำนวนนี้ต้องเป็นสัดส่วนที่ไม่รบกวนเงินในส่วนอื่น เอามาใช้แค่พอดีเพื่อไม่ให้ลงกับของไร้ค่ามากเกินเหตุ โอกาสเงินงอกเงยก็มีตามไปด้วย

แม้จุดแข็งของคุณจะมีแนวคิดอยากกันเงินไว้ใช้จ่ายหรือเก็บเป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน แต่ดันมีจุดอ่อนเรื่องความวุ่นวายในชีวิตที่ต้องใช้เงินแทบทุกวัน ลองนำเอาเทคนิคและวิธีการเก็บเงินเหล่านี้ไปปรับใช้ดูเชื่อว่าจะสร้างผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ มี เงินเหลือ ในยามฉุกเฉินหรือเก็บเพื่อการเกษียณในอนาคตไม่ยาก มากไปกว่านั้นยังไม่มีทางกระทบค่าใช้จ่ายรายเดือนของตนเองที่ต้องจ่ายออกไปด้วยนะ